
ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติฯ วุฒิสภา”ชีวะภาพ” ดัน “แม่ลา สิงห์บุรี แซนบ็อกซ์” สร้างรายได้ใหม่คาร์บอนเครดิต ยกระดับปลาช่อน GI-นาข้าวลดโลกร้อน ชูระเบียงเศรษฐกิจนิเวศเชื่อม “บอระเพ็ด-รังสิต” ดึงเงินเข้ากระเป๋าชุมชน ตั้งเป้า 3 ปี ค่าไฟลด-ฝุ่นจาง-พื้นที่สีเขียวพุ่งขึ้น
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเมืองคาร์บอนต่ำเพื่อช่วยให้การพัฒนาเมืองของจังหวัดสิงห์บุรีเป็นไปอย่างยั่งยืน โดยมีแหล่งพลังงานทดแทนที่หมุนเวียนมาใช้และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยในเมืองให้ดีขึ้น โดยเชิญผศ.ดร.วสิศ ลิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมข้อมูล วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมชี้แจง เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.68

ผศ.ดร.วสิศ กล่าวว่า ลุ่มน้ำแม่ลา จ.สิงห์บุรี เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ เต็มไปด้วยพันธุ์ปลาที่มีนัยสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นต้นแบบ ที่จะเชื่อมโยงสู่เครือข่ายพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ของภาคกลาง ได้แก่ บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์และทุ่งรังสิต จ.ปทุมธานี จ.อยุธยา โดยมีแผนจัดทำโครงการ “แม่ลา แซนบ็อกซ์ ” เพื่อสร้าง “ระเบียงเศรษฐกิจนิเวศ” ที่ใช้กลไกการขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ เป็นเครื่องมือในการยกระดับมาตรฐานการจัดการ ควบคู่กับการสร้างรายได้ใหม่จาก คาร์บอนเครดิตในภาคเกษตรและพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นได้รับประโยชน์สูงสุดจากการอนุรักษ์
โดยเฉพาะลุ่มน้ำแม่ลา จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ และกำลังจะเป็นแหล่งผลิตปลาช่อนแม่ลา (GI) โดยใช้พลังงานสะอาดจาก “โซลาร์เซลล์ลอยน้ำ” ในบ่อปลา เหมาะเป็น “Sandbox” หรือพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจชุมชน การแปรรูปผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศคาร์บอนต่ำ เช่น การล่องเรือและชิมปลาปรุงด้วยพลังงานสะอาด
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเกษตรกรแม่ลาให้กลายเป็น “เกษตรกรคาร์บอนต่ำ” โดยนำเทคโนโลยี “นาเปียกสลับแห้ง” มาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนได้สูงถึง 40-50% รวมทั้งเปลี่ยนผักตบชวาเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง และเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งส่งขายให้โรงงาน

ผศ.ดร.วสิศ ลิ้มประเสริฐ
ผศ.ดร.วสิศ ระบุ โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ แต่คือการ “พลิกโฉม” การบริหารจัดการน้ำของไทยจากการตั้งรับปัญหา มาเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงรุก ชุมชนจะได้รับประโยชน์ทั้งรายได้จากคาร์บอนเครดิต ความมั่นคงทางอาหารจากประชากรปลาที่เพิ่มขึ้น และการขายสินค้าเกษตรในราคาพรีเมียมจากการรับรองมาตรฐานโลก
ด้านนายชีวะภาพ กล่าวว่า “แม่ลา แซนบ็อกซ์ ” เป็นโครงการที่จะถอดรหัสความสำเร็จจาก “สระบุรี แซนบ็อกซ์” ต้นแบบของเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย โดยจังหวัดสิงห์บุรีมีลำน้ำแม่ลาเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งของจังหวัดต้นแบบที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ หรือ “สิงห์บุรี แซนบ็อกซ์ ”
“หากค่าไฟฟ้าของชาวสิงห์บุรีลดลง-ยอดการใช้น้ำมันลดลงหรือปริมาณฝุ่น PM 2.5 ลดลงภายใน 3 ปี ก็แสดงว่ามาโครงการนี้มาถูกทาง เช่นเดียวกับพื้นที่สีเขียวที่จะต้องเพิ่มขึ้นด้วย”

ชีวะภาพ ชีวะธรรม
นายชีวะภาพยังระบุว่า ความสำเร็จจากโครงการ “สิงห์บุรี แซนบ็อกซ์” จะเป็นพิมพ์เขียวเพื่อขยายผลเชื่อมโยงไปยังจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงการสร้าง เส้นทางท่องเที่ยวสีเขียว เชื่อมโยง เช่น “ล่องเรือดูนกบึงบอระเพ็ด – กินปลาแม่ลา – ชมทุ่งรังสิต” โดยใช้เรือไฟฟ้า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวรักษ์โลกทั่วโลก
ทั้งนี้ทางคณะกรรมาธิการเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการบูรณาการ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนกลาง (แม่ลา-บอระเพ็ด-รังสิต) สร้างกลไกขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.
