
การฟื้นฟูพื้นที่เกษตรหลังน้ำลดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นเวลานานส่งผลให้ โครงสร้างดินเสียหาย ดินแน่นทึบ ขาดออกซิเจน และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่า โคนเน่า และโรคเหี่ยว ชีวภัณฑ์ (Bioproducts) หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการบำบัดและฟื้นฟูดิน รวมถึงการควบคุมโรคพืช
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ก่อนใช้ชีวภัณฑ์ ควรเร่งระบายน้ำที่ขังออกจากแปลงปลูกให้เร็วที่สุด กำจัดเศษซากพืชและขยะ แล้ววิเคราะห์ดิน เนื่องจากหลังน้ำท่วมขังดินมักเป็นกรด จึงอาจต้องใช้ปูนขาวประมาณ 200-500 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อฆ่าเชื้อโรคเบื้องต้น ประกอบกับเมื่อดินเริ่มหมาดให้ไถพรวนระบายอากาศเพิ่มออกซิเจน ตากดินอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เพื่อทำลายเชื้อโรคและไข่แมลง ใส่ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหมัก, หรือพืชสด (เช่น ถั่วพร้า) เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดินและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์

พีรพันธ์ คอทอง
นายพีรพันธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อปรับปรุงดินและสภาพแวดล้อมกลับสู่สภาวะปกติแล้ว ให้ใช้ชีวภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับฟื้นฟูพื้นที่เกษตรหลังน้ำลด ได้แก่ เชื้อราไตรโคเดอร์มา ช่วยควบคุมและทำลายเชื้อราที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคพืช โดยราด หรือ ฉีดพ่น หรือคลุก หรือหว่านเชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดหัวเชื้อสดลงดินและโคนต้นพืช อัตรา 1–2 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ 50–100 กรัมต่อต้นในไม้ผล ซ้ำทุก 7–15 วันในช่วงเริ่มฟื้นฟู

กรณีไม้ผลที่มีอาการ รากเน่า โคนเน่า สามารถใช้ผสมน้ำหรือฝุ่นแดงแล้วทาบริเวณแผลบนลำต้นที่ถากเปลือกออกในช่วงเช้าหรือเย็น ป้องกันแสงแดดจัดหรือความร้อนสูงที่อาจทำให้ชีวภัณฑ์เสื่อมประสิทธิภาพ, เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทิลิส หรือบีเอส ช่วยควบคุมป้องกันโรคพืชจากเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรคขอบใบแห้ง โรคไหม้ โรครากเน่าโคนเน่า และโรคแอนแทรคโนส

ถ้าโรคระบาดรุนแรง ให้ใช้เชื้อบีเอสอัตรา 20–40 มิลลิลิตรผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นติดต่อกัน 2 ครั้ง ห่างกัน 3-4 วัน หรือฉีดพ่นทุก 7 วันช่วงฟื้นฟู หรือใช้เชื้อบีเอสคลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนเพาะปลูกใหม่, บาซิลลัสทูริงเจนซิส หรือบีที ช่วยควบคุมหนอนศัตรูพืช ที่มักระบาดหลังน้ำลดเนื่องจากสภาพแปลงเกษตรมีความชื้นสูงและพืชอ่อนแอ จึงควรพ่นทันทีเมื่อเริ่มพบหนอน โดยผสมเชื้อบีทีชนิดผง (WP): 30–50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือชนิดน้ำ (SC/SL): 20–40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเวลาเย็นทุก 5–7 วัน, เชื้อไวรัส NPV ช่วยควบคุมและกำจัดหนอนศัตรูพืชเฉพาะเจาะจงชนิด โดยเฉพาะกลุ่มหนอนกระทู้ต่าง ๆ เช่น หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผักหนอนเจาะสมอฝ้าย โดยใช้เชื้อไวรัส NPV อัตราส่วนประมาณ 20-30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในเวลาเย็น

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้รวมเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 81,800 ซอง ต้นพันธุ์พืช จำนวน 349,000 ต้น ไตรโคเดอร์มาพร้อมใช้ จำนวน 6,000 กิโลกรัม และหัวเชื้อไตรโคเดอร์มา 450 ขวด เพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนให้แก่เกษตรกรที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ และแนะนำให้เกษตรกรปฏิบัติตามขั้นตอนฟื้นฟูดูแลรักษาพืช สำรวจอาการพืช รักษาและฟื้นฟูพืช หรือรื้อถอนซากต้นตายเพื่อเตรียมดินใหม่ รวมถึงสร้างความยืดหยุ่นและเตรียมพร้อม ปรับโครงสร้างแปลงและระบบการผลิตให้ทนทานต่อภัยพิบัติในอนาคต
