
กรมวิชาการเกษตร แจ้งเกิด ชาพันธุ์ใหม่ “กวก.เชียงใหม่ 1” รูปทรงพุ่มกะทัดรัดแข็งแรง การแตกยอดสม่ำเสมอ เหมาะสมต่อการปลูกเชิงพาณิชย์ มีลักษณะเด่น ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ยปีละ 958.08 กิโลกรัม/ไร่ ใบบางเฉลี่ย 0.11 มิลลิเมตร สามารถกัดสารต่างๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิ ภาพและได้ชาที่มีคุณภาพสูง ลิ่นหอม รสชาติ ดีกลมกล่อมไม่ฝาด
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ชาเป็นพืชเศรษฐกิจสำคั ญของโลกและประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่สูงของภาคเหนื อ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่ อการผลิตชา โดยพันธุ์ชาที่ปลูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ชาอัสสัม และชาจีน ซึ่งสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ชาเขียว ชาอู่หลง และชาดำ โดยในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมี การนำเข้าพันธุ์ชาจากต่ างประเทศเพื่อใช้ผลิตชาเขียว แต่พบว่าบางพันธุ์แม้ให้คุ ณภาพยอดดี แต่ยังมีข้อจำกัดในด้านความสม่ำ เสมอของผลผลิ ตและความสามารถในการปรับตัว ดังนั้นศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชี ยงใหม่ สถาบันวิจัยพืชสวนกรมวิ ชาการเกษตร จึงได้ปรับปรุงพันธุ์ชาจีนสำหรั บแปรรูปเป็นชาเขียวที่ให้ผลผลิ ตสูง และรสชาติดี

ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ได้รวบรวมเมล็ดชาจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่ างประเทศจำนวนทั้งสิ้น 3,500 ต้น นำมาปลูกในพื้นที่ขนาด 37 ไร่ เมื่อต้นชาเจริญเติบโตแล้วจึ งดำเนินการคัดเลือกชาจำนวน 50 ต้น โดยพิจารณาจากเกณฑ์การเจริญเติ บโตและผลผลิตเป็นหลัก จากนั้นคัดเลือกชาตามแผนการคั ดเลือกสายต้น โดยพิจารณาจากผลผลิตและคุ ณภาพการแปรรูปคัดเลือกไว้ได้ 35 สายพันธุ์ จึงคัดเลือกซ้ำจากความสม่ำ เสมอของคุณภาพชาในด้านการแปรรู ปและด้านประสาทสัมผัส (ชิม) คัดเลือกไว้ 19 สายพันธุ์ นำแต่ละสายพันธุ์ปักชำและปลู กเป็นแถวเพื่อประเมินความสม่ำ เสมอลักษณะทางการเกษตรและผลผลิ ตคัดเลือกเหลือ 5 สายพันธุ์
จากนั้นได้ดำเนินการคัดเลือกซ้ำ จากความสม่ำเสมอคุ ณภาพชาและความสามารถในการขยายพั นธุ์ทำให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุ ณภาพโดดเด่น คือ “ชาสายพันธุ์แม่จอนหลวงเบอร์ 3” สำหรับปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์ การค้าเพื่อประเมินศั กยภาพการให้ผลผลิต คุณภาพผลิตภัณฑ์ชาเขียว พบว่าชาสายพันธุ์แม่ จอนหลวงเบอร์ 3 ให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี ชามีกลิ่นหอม และรสชาติกลมกล่อม จึงเสนอคณะกรรมการวิจัยปรับปรุ งพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร พิจารณาเป็นพันธุ์แนะนำใช้ชื่ อพันธุ์ว่า “ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1”

นางสาวศิรากานต์ ขยันการ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ กล่าวว่า ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1 มีทรงพุ่มกะทัดรัดแข็งแรง การแตกยอดสม่ำเสมอ เหมาะสมต่อการปลูกเชิงพาณิชย์ ลักษณะเด่น ให้ผลผลิตเฉลี่ย 958.08 กิโลกรัม/ไร่/ปี ใบบางเฉลี่ย 0.11 มิลลิเมตร ส่งผลให้การสกัดสารต่างๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิ ภาพและได้ชาที่มีคุณภาพสูง มีกลิ่นหอม รสชาติดีกลมกล่อมไม่ฝาด เหมาะสำหรับการดื่มตลอดวัน
จากการประเมินคุณภาพชาเขียวด้ วยวิธีทดสอบทางด้านประสาทสัมผั สและการวิเคราะห์องค์ ประกอบทางเคมี พบว่า มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรั บการแปรรูปเป็นชาเขียวดีกว่าพั นธุ์การค้า นอกจากนี้ ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1 ยังมีอัตราส่วนน้ำหนักก้านต่ อใบเฉลี่ย 4.10 โดยให้สัดส่วนใบที่มากกว่าก้าน จึงมีความเหมาะสมในการผลิตชาคุ ณภาพสูง เนื่องจากใบเป็นส่วนหลักที่ใช้ ในการผลิตชาและมีผลต่อคุ ณภาพและปริมาณผลผลิตโดยตรง

“ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ มีแปลงแม่พันธุ์ขนาด 2,000 ต้น อยู่ในช่วงอายุที่ เหมาะสมสามารถให้กิ่งพันธุ์เฉลี่ ย 10-15 กิ่ง/ต้น/ปี หรือประมาณ 20,000-30,000 กิ่ง/ปี เมื่อนำไปขยายพันธุ์โดยการปั กชำในระบบเรื อนเพาะชำมาตรฐานจะมีอั ตราการรอดประมาณร้อยละ 80-90 คาดว่าจะสามารถผลิตต้นชาใหม่ได้ ประมาณ 16,000-27,000 ต้น/ปี จากแม่พันธุ์ 2,000 ต้น โดยสามารถรองรับการปลูกในพื้นที่ ระดับไร่ถึงแปลงใหญ่ได้อย่างเพี ยงพอ เกษตรกรและผู้ที่ สนใจสามารถสอบถามรายละเอียด “ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1” เพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5311 4133-6” นางสาวศิรากานต์ กล่าว
