กระทรวงเกษตรฯ ตั้งศูนย์ประสานข้อมูลภัยพิบัติ พบล่าสุดพื้นที่เกษตรภาคใต้จมแล้วกว่า 1.3 แสนไร่

กระทรวงเกษตรฯ ตั้งศูนย์ประสานข้อมูลภัยพิบัติ สั่งทุกกรมเร่งส่งข้อมูลเครื่องมือ การช่วยเหลือ เพื่อสนับสนุนการสั่งการในพื้นอย่างทันท่วงที เผยล่าสุดพบพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายใน 10 จังหวัด รวมกว่า 138,534 ไร่ กระทบเกษตรกร 206,744 ราย

นายกฤษ อุตตมะเวทิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่ 4/2568 โดยมี นายธิติ โลหะปิยะพรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วม และผ่านระบบการประชุมออนไลน์ (Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (123)

                                                                              กฤษ อุตตมะเวทิน          

นายกฤษ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์พื้นที่การเกษตรที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ ปี 2568 ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568) ภาคใต้ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้หลายจังหวัดเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายใน 10 จังหวัด รวมกว่า 138,534 ไร่ กระทบเกษตรกร 206,744 ราย ครอบคลุมทั้งพืชไร่ พืชผัก ไม้ผล และไม้ยืนต้น

ขณะที่ด้านประมงพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ 15,364 ไร่ และด้านปศุสัตว์ได้รับผลกระทบกว่า 6.5 ล้านตัว รวมถึงแปลงหญ้าอาหารสัตว์ 7,213 ไร่ และอยู่ระหว่างสำรวจเพื่อประเมินความเสียหายเพิ่มเติม ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” เลขบัญชี 006-0-26374-1

อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้สำนักแผนงานและโครงการพิเศษ  สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่เป็นศูนย์สนับสนุนชั่วคราว รวบรวมและจัดระบบข้อมูลจากทุกหน่วยใน 3 ระดับ ได้แก่ 1. ข้อมูลเครื่องมือและอุปกรณ์ ที่พร้อมสนับสนุนในพื้นที่ของแต่ละกรม ระบุจำนวน สถานที่ตั้ง และความพร้อมในการเคลื่อนย้าย 2. ข้อมูลการช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น โรงครัว เสบียง น้ำดื่ม อาหาร ยา เวชภัณฑ์ อาหารสัตว์ รวมถึงสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ที่ต้องจัดส่งเข้าสู่พื้นที่ประสบภัย และ 3. มาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลด หลังสถานการณ์คลี่คลาย ทุกหน่วยจะต้องเร่งเข้าไปเยียวยา ฟื้นฟู และดำเนินมาตรการช่วยเหลือตามขั้นตอนที่กำหนด

รวมทั้งมอบหมายกรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และรายงานเส้นทางที่สามารถใช้ได้เมื่อระดับน้ำเริ่มลดลง เพื่อให้สามารถสนับสนุนการเคลื่อนย้ายเครื่องจักร เครื่องมือ และสิ่งของจำเป็นในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที