
ชู “กลุ่มขนุนหนองเหียง” ต้นแบบแปลงใหญ่เข้มแข็งของชลบุรี ผลิต-แปรรูป ขนุนคุณภาพ สร้างรายได้เกษตรกร เป้าหมายต่อไปเน้นการส่งเสริมให้สมาชิกทุกรายพัฒนาคุณภาพผลผลิตตามมาตรฐาน GAP และวางแผนด้านการผลิตและตลาด เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของโรงงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นางสาวนริศรา เอี่ยมคุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ขนุนเป็นไม้ผลเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่สามารถปลูกได้ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ด้วยความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและให้ผลผลิตตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยอง และชลบุรี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกขนุนเพื่อการค้าที่สำคัญและมีพื้นที่เพาะปลูกมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ
ด้วยศักยภาพของขนุนไทยที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และยังเป็นโปรตีนทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการลดหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ ทำให้ขนุนมีทิศทางการตลาดที่หลากหลาย ผู้บริโภคมีความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นการส่งเสริมการปลูกขนุนอย่างมีระบบจึงเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคการเกษตร

นริศรา เอี่ยมคุ้ย
จังหวัดชลบุรี นับเป็นแหล่งผลิตขนุนที่มีศักยภาพ เกษตรกรมีการรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็ง ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “ขนุนหนองเหียงชลบุรี” วันที่ 24 มีนาคม 2566 ประกอบด้วย 5 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ทองประเสริฐ พันธุ์มาเลย์ พันธุ์เพชรราชา พันธุ์แดงสุริยา และพันธุ์ทองส้ม ครอบคลุมพื้นที่ปลูกและผลิตของอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
จากการติดตามของ สศท.6 พบว่า แปลงใหญ่ขนุนตำบลหนองเหียง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี นับเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการผลิตขนุนคุณภาพและแปรรูปสร้างมูลค่า โดยเริ่มดำเนินการรวมกลุ่มในปี 2560 ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูก 749 ไร่ เกษตรกรสมาชิก 74 ราย โดยมีนายสมจิตร พรหมะเสน เป็นประธานกลุ่มแปลงใหญ่ เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์ทองประเสริฐ
เมื่อขนุนมีอายุเฉลี่ยเข้าปีที่ 3 จะเริ่มให้ผลผลิต และเมื่อขนุนมีอายุเข้าปีที่ 6 – 10 ปี จะเป็นช่วงที่ผลผลิตออกมาก เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึงอายุเฉลี่ย 25 ปี สำหรับสถานการณ์ผลิตในปี 2568 ได้ผลผลิตรวม 1,610 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 2,400 กิโลกรัม/ไร่/ปี โดยมีรอบการเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่าย แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นแรก จำหน่ายช่วงเดือนตุลาคม – มกราคม (นอกฤดูกาล) และรุ่นสอง จำหน่ายช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม (ในฤดูกาล)
การจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ พบว่า ผลผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.32 ส่งจำหน่ายให้ กลุ่มแปลงใหญ่ รองลงมา ร้อยละ 45.12 จำหน่ายให้กับพ่อค้ารวบรวม/พ่อค้าขายส่งในจังหวัด ส่วนร้อยละ 2.33 จำหน่ายให้กับพ่อค้าล้งนอกจังหวัด และส่วนที่เหลือ ร้อยละ 1.23 จำหน่ายให้กับพ่อค้ารวบรวม/พ่อค้าขายส่งนอกจังหวัดทั้งนี้ ภาพรวมราคาขนุนผลสดเกรดรวมของจังหวัดชลบุรี ปี 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 10 – 12 บาท/กิโลกรัม
สถานการณ์ตลาดของกลุ่มแปลงใหญ่ พบว่า กลุ่มเป็นผู้รับซื้อผลผลิตจากสมาชิกเพื่อนำมาคัดแยกคุณภาพและจำหน่ายให้แก่ผู้รวบรวม (ล้ง) ในจังหวัดระยอง แบ่งเป็น เกรด A ราคาเฉลี่ย 12 บาท/กิโลกรัม เกรด B ราคาเฉลี่ย 8 บาท/กิโลกรัม และเกรดคละ ราคาเฉลี่ย 5 บาท/กิโลกรัม ซึ่งล้งจะทำการคัดเกรด บรรจุกล่อง และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ สำหรับขนุนที่มีตำหนิทางกลุ่มจะนำมาแกะเนื้อและแช่แข็งเพื่อจำหน่ายให้โรงงานผลิตอาหารกระป๋อง จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนครปฐม ในราคาเฉลี่ย 30 – 40 บาท/กิโลกรัม
ส่วนขนุนอ่อน จำหน่ายในราคาเฉลี่ย 6 บาท/กิโลกรัมซึ่งโรงงานจะส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังนำผลผลิตที่ตกเกรดมาแปรรูปเป็นขนุนทอดกรอบสร้างมูลค่าเพิ่ม ภายใต้แบรนด์ “ขนุนหนองเหียงชลบุรี” จำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ในราคา 250 บาท/กิโลกรัม สำหรับแบบบรรจุถุงขนาด 50 กรัม ราคา 40 บาท/ถุง และแบบแพ็ก 3 ถุง ราคา 100 บาท/แพ็ก ทั้งนี้ จากการจำหน่ายขนุนสดและแปรรูป สามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 900,000 บาท/ปี

สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มในระยะต่อไป ทางกลุ่มแปลงใหญ่เน้นการส่งเสริมให้สมาชิกทุกรายพัฒนาคุณภาพผลผลิตตามมาตรฐาน GAP และวางแผนด้านการผลิตและตลาด เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของโรงงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขนุนจึงถือเป็นไม้ผลอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ หากมีการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าการพัฒนา “ขนุนหนองเหียง ชลบุรี GI” จะสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างรายได้มั่นคงให้แก่เกษตรกรในพื้นที่และเป็นต้นแบบของการพัฒนาไม้ผลท้องถิ่นในอนาคต อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาไม้ผลท้องถิ่นให้ก้าวสู่ความยั่งยืน ทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน
