สศท.2 ชู “สวนทุเรียนวรรณา” ต้นแบบ “ทุเรียนน้ำแร่พบพระ” ของดีเมืองตากออกผลผลิตหลังเพื่อน

สศท.2 ขู “สวนทุเรียนวรรณา” ต้นแบบ “ทุเรียนน้ำแร่พบพระ” ของดีเมืองตากที่ได้คุณภาพ มีมาตรฐาน GAP เผยแหล่งผลิตอยู่บนภูเขาฝั่งตะวันตกของไทยติดพรมแดนเมียนมาร์  มีจุดเด่นผลผลิตจะออกหลังฤดูกาลทุเรียนของจังหวัดอื่นทั้งหมดในประเทศไทย ที่รองรับนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติของอำเภอแม่สอด

นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 พิษณุโลก (สศท.2) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จังหวัดตากมีภูมิประเทศโดดเด่นด้วยธรรมชาติและความเหมาะสมต่อการทำเกษตร โดยเฉพาะ “ทุเรียนพบพระ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ทุเรียนน้ำแร่พบพระ” ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดตาก พบปลูกในพื้นที่อำเภอพบพระ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทุเรียนภูเขาฝั่งตะวันตกของไทยติดพรมแดนเมียนมาร์

                                                                          ธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ 

จุดเด่นของทุเรียนน้ำแร่พบพระ คือผลผลิตจะออกหลังฤดูกาลทุเรียนของจังหวัดอื่น ทั้งในภาคเหนือและภาคตะวันออก ทำให้ในช่วงปลายฤดูทุเรียนของไทยยังมีทุเรียนพบพระออกมาป้อนตลาดให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้ลิ้มรสความอร่อยอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนพบพระมากขึ้น เนื่องจากกระแสของความต้องการบริโภคทั้งตลาดในประเทศและตลาดจีน ส่งผลให้ราคาทุเรียนสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 – 6 ปี ที่ผ่านมา จูงใจให้เกษตรกรบางส่วนหันมาปลูกและขยายเนื้อที่ปลูกเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ทุเรียนน้ำแร่พบพระจะปลูกบนพื้นที่ภูเขาและลาดเชิงเขาทำให้การจัดการสวนตลอดอายุต้นทุเรียนยากกว่าพื้นที่ราบ หากเกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศ หรือการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณผลผลิตทันที

จากการลงพื้นที่ของ สศท.2 ยังพบว่า สวนทุเรียนพบพระคุณภาพดีที่ได้รับการยกย่องให้เป็นแปลงต้นแบบ คือ สวนทุเรียนวรรณา ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นสวนทุเรียนที่ได้คุณภาพ มีมาตรฐาน GAP อีกทั้งยังเป็นสวนเกษตรเชิงท่องเที่ยว โดยมีนางวรรณา รุจะศิริ เป็นเจ้าของสวน ได้มีการปลูกมายาวนานกว่า 20 ปี เนื้อที่ปลูกประมาณ 10 ไร่ หรือประมาณ 300 ต้น ซึ่งจะเน้นการผลิตทุเรียนปลอดภัยโดยใช้ปุ๋ยและสารชีวภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเน้นจำหน่ายให้ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ตามเส้นทางธรรมชาติของจังหวัดตากที่อยากลิ้มลองรสชาติทุเรียนน้ำแร่พบพระจังหวัดตาก

ผู้อำนวยการ สศท.2 กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานทุเรียนน้ำแร่พบพระ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมบูรณาการพัฒนาการผลิตและจัดการสวนทุเรียนคุณภาพให้ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โดยเฉพาะช่วงกลาง – ปลายฤดูฝน ที่ผลผลิตออกมาก โดยมีแนวทางสำคัญ คือ เร่งพัฒนาเกษตรกรให้ผลิตทุเรียนคุณภาพ

โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้หรือพาไปศึกษา ดูงานในพื้นที่ต้นแบบ การเสริมทักษะเจ้าหน้าที่ภาครัฐด้านการผลิต การจัดการสวน  การป้องกันโรคแมลง และการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม จัดทำโครงการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างต้นแบบฟาร์มทุเรียนอัจฉริยะเพื่อขยายผลสู่สวนอื่น การประชาสัมพันธ์การผลิตทุเรียนคุณภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกยกเลิกคำสั่งซื้อ การผลักดันทุเรียนพบพระเป็นสินค้า GI รวมถึงรักษามาตรฐานผลผลิตเพื่อสร้างโอกาสซื้อซ้ำ และส่งเสริมเครือข่ายการผลิตและการตลาดทุเรียน เชื่อมโยงภายในประเทศ เพื่อขยายโอกาสสู่ตลาดส่งออกในอนาคต

สำหรับสถานการณ์การผลิตทุเรียนน้ำแร่พบพระ จังหวัดตาก ปี 2568 (ข้อมูล ณ  27 ต.ค. 68) คาดว่า มีพื้นที่ปลูกทุเรียนยืนต้น 4,678 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 72.97 ของพื้นที่ปลูกทั้งจังหวัด (6,411 ไร่) และ  มีพื้นที่ให้ผลแล้ว 2,710 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 71.88 ของพื้นที่ให้ผลทั้งจังหวัด (3,770 ไร่) ผลผลิตรวม 2,141 ตัน (ผลผลิตออก มิ.ย. –  ต.ค.) คิดเป็น ร้อยละ 69.60 ของผลผลิตรวมทั้งจังหวัด (3,076 ตัน) เกษตรกรอำเภอพบพระที่ขึ้นทะเบียนการปลูก 177 ราย (ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรอำเภอพบพระ จังหวัดตาก)

เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์หมอนทอง จะปลูกช่วงเดือนพฤษภาคม และเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 5–7 ปี โดยราคาเฉลี่ย ปี 2568 แบ่งตามเกรด คือ เกรด A  ราคา 90 – 100 บาท/กิโลกรัม เกรด B ราคา 40 – 60  บาท/กิโลกรัม และตกเกรด เช่น หล่น แก่จัด จำหน่ายราคา 10 – 20 บาท/กิโลกรัม ซึ่งผลผลิตกลุ่มตกเกรดจะมีเนื้อนิ่มสุกเละ และกลิ่นแรง แต่จะเป็นที่นิยมของชาวเมียนมาร์

สำหรับช่องทางการจำหน่าย พบว่า ผลผลิตร้อยละ 70 จำหน่ายให้แก่ลูกค้าประจำที่เป็นพ่อค้าจากอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ร้อยละ 20 จำหน่ายให้แก่ชาวเมียนมาร์ที่เข้ามาทำงานหรือพักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 10 เกษตรกรตั้งร้านจำหน่ายผลผลิตริมทาง นอกจากนี้ ยังพบว่า มีเกษตรกรบางส่วนที่นำผลผลิตมาแปรรูปเป็นทุเรียนกวน จำหน่ายในราคา 350 บาท/กิโลกรัม และทุเรียนทอด ราคา 600 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ ท่านใดสนใจข้การทำการเกษตร โดยเฉพาะอมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ สศท.2 โทร 0 5532 2650 และ 0 5532 2658 หรืออีเมล zone2@oae.go.th