
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำทันทีดันสหกรณ์การเกษตรเป็นจุดรวบรวมข้าว แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำทั่วประเทศกว่า 400 แห่ง หลังจากผลผลิตถูกกดราคารับซื้ออย่างรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวนาในหลายพื้นที่ เน้นเน้นให้รับซื้อในราคานำตลาดหรือสูงกว่าท้องตลาด ล่าสุดมีสหกรณ์ที่ดำเนินการรวบรวมข้าวจากเกษตรกรแล้ว จำนวน 67 แห่ง 28 จังหวัด
นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับข้อสั่งการด่วนจาก ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ ซึ่งขณะนี้เกษตรกรประสบปัญหาราคาผลผลิตถูกกดราคารับซื้ออย่างรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวนาในหลายพื้นที่

นิรันดร์ มูลธิดา
นายนิรันดร์ กล่าวว่า ภายหลังได้รับข้อสั่งการดังกล่าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดประชุมร่วมกับสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ และได้สั่งการด่วนให้สหกรณ์จังหวัดทุกพื้นที่เร่งสำรวจสถานการณ์ผลผลิตข้าวในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมประสานงานกับสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรให้เตรียมความพร้อมเปิด “จุดรวบรวมข้าว” เพื่อรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคานำตลาด โดยใช้สหกรณ์เป็นกลไกหลักในการรวบรวมผลผลิตและสร้างการแข่งขันด้านราคาในพื้นที่
ทั้งนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์จะผลักดันให้สหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรที่มีศักยภาพในการรวบรวมและจำหน่ายข้าวกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ เข้ามามีบทบาทในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม โดยเน้นให้สหกรณ์รับซื้อในราคานำตลาดหรือสูงกว่า เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรนำผลผลิตมาขายผ่านสหกรณ์ ขณะนี้สหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ภาคกลางมีการเปิดจุดรับซื้อข้าวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สหกรณ์ในบางพื้นที่มีแผนการเปิดจุดรับซื้อภายในเดือนตุลาคม ซึ่งจากข้อมูลจนถึงวันที่ 16 ตุลาคม 2568 พบว่ามีสหกรณ์ที่ดำเนินการรวบรวมข้าวจากเกษตรกรแล้ว จำนวน 67 แห่ง 28 จังหวัด
นอกจากการเร่งเปิดจุดรวบรวมข้าวในพื้นที่ต่าง ๆ ผ่านสหกรณ์แล้ว กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่สหกรณ์การเกษตร ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่กรมฯ ร่วมมือกับ ธ.ก.ส. ในการขับเคลื่อนโครงการตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปี 2568/69 อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้มีสหกรณ์การเกษตรที่แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 170 แห่งทั่วประเทศ รวมปริมาณข้าวเปลือกที่จะเข้าร่วมโครงการประมาณ 1.3 ล้านตัน โครงการนี้เป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับสหกรณ์การเกษตรให้สามารถดำเนินธุรกิจรวบรวม แปรรูป และจำหน่ายข้าวได้อย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังผลักดันโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อให้สหกรณ์สามารถรับฝากข้าวเปลือกของสมาชิกไว้ในโกดังของสหกรณ์ในช่วงที่ราคาตกต่ำ และนำเงินสินเชื่อมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนแทนการขายผลผลิตทันที ซึ่งโครงการนี้มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ประสงค์เข้าร่วมแล้วกว่า 133 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับปริมาณข้าวเปลือกประมาณ 760,000 ตัน โดยการดำเนินโครงการนี้จะช่วยชะลอข้าวไม่ให้ไหลออกสู่ตลาดพร้อมกัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการพยุงราคาข้าวเปลือกให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น
โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ยังได้เตรียมการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้แก่สหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมดำเนินการรวบรวมข้าวในพื้นที่ต่าง ๆ โดยจะจัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ภายใต้โครงการสนับสนุนเงินกู้เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจรวบรวมข้าวเปลือกของสหกรณ์ ปีการผลิต 2568/69 เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่สหกรณ์การเกษตรที่มีศักยภาพและพร้อมเข้าร่วมเป็นกลไกหลักในการรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว
“วงเงินสินเชื่อจากโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสนับสนุนเงินกู้เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจรวบรวมข้าวเปลือกของสหกรณ์ ปีการผลิต 2568/69 จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) และเงินทุนของสหกรณ์เอง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสภาพคล่องให้กับสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ ให้สามารถรับซื้อและรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกจากสมาชิกได้อย่างทั่วถึง ช่วยชะลอผลผลิตไม่ให้ไหลออกสู่ตลาดพร้อมกัน ลดแรงกดดันต่อราคาข้าวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว และสร้างกลไกการแข่งขันด้านราคาที่เป็นธรรมระหว่างสหกรณ์กับภาคเอกชน” นายนิรันดร์ กล่าว

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวอีกว่า การผลักดันสหกรณ์การเกษตรเป็นจุดรวบรวมข้าวและมาตรการทางการเงิน ถือเป็นกลไกเชิงรุกของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ภายใต้ข้อสั่งการของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งสร้างเสถียรภาพด้านราคาและรายได้ให้เกษตรกร พร้อมส่งเสริมให้สหกรณ์การเกษตรทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการรวบรวมและบริหารจัดการผลผลิตข้าวของสมาชิกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อต่อยอดไปสู่การแปรรูปและการตลาดในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไป
