กรมประมงเดินหน้าปล่อย “ปลานักล่า” ปราบ “ปลาหมอคางดำ” ล่าสุดจับมืแอ กทม.-ซีพีเอฟ ปล่อยปลากะพงอีกหมื่น

กรมประมงยังคงเดินหน้ามาตรการควบคุมและจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความหนาแน่น และควบคุมการแพร่กระจาย เน้นใช้แนวทางบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่ เพื่อฟื้นฟูความสมดุลของแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างยั่งยืน ล่าสุดร่วมกับ กทม.-ซีพีเอฟ ปล่อยปลากะพงอีก 10,000 ตัว

หนึ่งในมาตรการสำคัญของกรมประมง คือ “การปล่อยพันธุ์ปลานักล่า” เช่น ปลาอีกง ปลากะพงขาว ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติในการลดจำนวนปลาหมอคางดำ จะช่วยกำจัดลูกปลาหมอคางดำขนาดเล็ก เป็นการ “ตัดวงจรการแพร่พันธุ์” และลดความหนาแน่นของประชากรของปลาต่างถิ่นในแหล่งน้ำ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศกลับคืน

ล่าสุด กรมประมง ร่วมกับชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ (CPF) จัดกิจกรรม ปล่อยพันธุ์ปลากะพงขาว ขนาด 4-5 นิ้ว 10,000 ตัว ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติในกรุงเทพมหานคร การปล่อยปลานักล่าจะดำเนินต่อจากกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ที่มีการจับปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ออกจากแหล่งน้ำ

นายยุคล เหมบัณฑิต ประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การปล่อยปลานักล่าเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของกรมประมงในการควบคุมและลดจำนวนปลาหมอคางดำ โดยเฉพาะ ปลากะพงขาว ซึ่งถือเป็นปลาดั้งเดิมในแหล่งน้ำของชุมชน และสามารถกำจัดลูกปลาหมอคางดำได้เป็นอย่างดี กิจกรรมการปล่อยปลานักล่าครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่

โดยลูกพันธุ์ปลากะพงขาวที่ปล่อยในวันนี้ 10,000 ตัวได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ขณะที่ชุมชนและพี่น้องเกษตรกรได้ร่วมกันคัดเลือกแหล่งน้ำที่เหมาะสมในการปล่อยปลาสองจุด ได้แก่ บริเวณคลองหน้าวัดลูกวัว และศูนย์เรียนรู้แสมดำ

นายยุคล กล่าวอีกมว่า เกษตรกรในพื้นที่ต้องการปลากะพงขาวเพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งกรุงเทพมหานครมีแผนจัดตั้ง ‘กองทุนปลากะพงขาว’ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรในอนาคต ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานครยังให้ความสำคัญกับการบูรณาการทุกภาคส่วนในการช่วยกันกำจัดปลาหมอคางดำ เช่น การรับซื้อปลาหมอคางดำกว่า 500,000 กิโลกรัม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ”

การปล่อยปลานักล่าเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น ที่ใช้กลไกธรรมชาติในการควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ ยังเป็นการเพิ่มชนิดของพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำ ช่วยให้ชุมชนได้รับประโยชน์โดยตรงจาก “ปลากะพงขาว” ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจ สามารถจับขึ้นมาเป็นอาหารของครัวเรือน หรือนำไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริมแก่ครัวเรือน

นอกจากนี้ ปลานักล่ายังมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็น “แนวกันชนธรรมชาติ” จำกัดขอบเขตการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำไม่ให้ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ โดยเฉพาะในจังหวัดที่ยังไม่พบการระบาด เช่น จังหวัดตราด ซึ่งมีการปล่อยปลากะพงขาวในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อสร้างแนวป้องกันตามธรรมชาติ ลดความเสี่ยงต่อการรุกรานของปลาหมอคางดำในอนาคต

ทั้งนี้ กรมประมงยังคงติดตามและประเมินผลของมาตรการกำจัดและควบคุมปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง ทั้งกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” และการปล่อยปลานักล่าในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเน้นส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ปลาหมอคางดำและสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งการแปรรูปเป็นอาหารเพื่อบริโภคและจำหน่าย ใช้เป็นอาหารของปลากะพงและปู รวมถึงทำเป็นน้ำหมักชีวภาพ เพื่อให้การจัดการปลาหมอคางดำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บนพื้นฐานของความร่วมมือและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล