กรมวิชาการเกษตร โชว์ผลงานวิจัยเชิงพาณิชย์ระกับท็อป ที่เอกชนชิงรับถ่ายทอดเทคโนโลยีมากสุด 5 รายการทั้งปุ๋ย เชื้อราไตรโคเดอร์มา และและชีวภัณฑ์แบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลีส พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่สนใจขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกรมวิชาการเกษตร ได้ทั้งชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรคพืช ปุ๋ยชีวภาพ และชุดตรวจสอบและเทคโนโลยีอื่นๆ ด้วย
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรมีภารกิจสำคัญในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืช เทคโนโลยี และเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งก่อให้เกิดองค์ความรู้ นวัตกรรม และต้นแบบเทคโนโลยีจำนวนมากที่พร้อมขยายผลสู่ภาคการเกษตร กรมวิชาการเกษตรจึงกำหนด แนวทางการถ่ายทอดเทคโนโลยี 2 รูปแบบ โดยเทคโนโลยีที่เกษตรกรสามารถผลิตใช้เองได้ เช่น แหนแดง ตัวห้ำ ตัวเบียน และปุ๋ยหมักเติมอากาศ กรมวิชาการเกษตรจะสนับสนุนความรู้และหัวเชื้อ พ่อแม่พันธุ์ให้แก่เกษตรกร ส่วนเทคโนโลยีที่เกษตรกรไม่สามารถผลิตเองได้ เช่น ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์ (PGPR) และชีวภัณฑ์ควบคุมโรคพืช กรมวิชาการเกษตรจะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ภาคเอกชนในรูปแบบเชิงพาณิชย์ เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ พร้อมกับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ

รพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์
การขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ กรมวิชาการเกษตรได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ผู้ประกอบการจำนวน 25 ราย รวม 19 เทคโนโลยี 63 สัญญา ซึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจและมีผู้ประกอบการขอรับการถ่ายทอดมากที่สุด ได้แก่ ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-วัน ,ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทู, ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทรี, เชื้อราไตรโคเดอร์มา ฮาร์เซียนัม DOA-TH50 (Trichoderma harzianum DOA-TH50), และชีวภัณฑ์แบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลีส สายพันธุ์ BS-DOA24 (Bacillus subtilis BS-DOA24)
ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-วัน ใช้สำหรับพืชข้าวโพด ข้าวฟ่าง พืชผัก และสมุนไพร ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทู ใช้สำหรับข้าว และปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทรี ใช้สำหรับพืชอ้อยและมันสำปะหลัง ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกพืชได้อย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มปริมาณรากได้อย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจุลินทรีย์ในปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์สามารถสร้างฮอร์โมนพืช ทำให้ระบบรากพืชแข็งแรง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดน้ำและปุ๋ยได้อย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ต้นพืชแข็งแรงต้านทานโรคได้ และช่วยเพิ่มผลผลิตพืชได้อย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์

ชีวภัณฑ์เชื้อราไตรโคเดอร์มา ฮาร์เซียนัม DOA-TH50 (Trichoderma harzianum DOA-TH50) สามารถนำไปใช้ได้ 2 รูปแบบ คือ แบบง่ายเป็นเชื้อสด ใช้ควบคุมโรคตายพรายกล้วยน้ำว้า โรคเหี่ยวพริกและเหี่ยวมะเขือเทศ และยังได้พัฒนาชีวภัณฑ์เป็นรูปแบบผงพร้อมใช้ เพื่อความสะดวก และรวดเร็ว
ชีวภัณฑ์แบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลีส สายพันธุ์ BS-DOA24 (Bacillus subtilis BS-DOA24) ใช้ป้องกันกำจัดโรคเหี่ยวที่เกิดจากแบคทีเรียราลสโทเนีย โซลานาเซียรัม (Ralstonia solanacearum) พืชตระกูลมะเขือ เช่น มะเขือเทศ พริก มันฝรั่ง มะเขือยาว มะเขือเปราะ และ พืชตระกูลขิง เช่น ขิง ขมิ้น ข่า ไพล ปทุมมา

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า กรมวิชาการเกษตรมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพืช เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตรไทยในเวทีสากล ซึ่งหนึ่งในกลไกสำคัญคือการต่อยอดองค์ความรู้สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเชิงพาณิชย์ของกรมวิชาการเกษตรที่ผ่านมามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในปี 2568 มีผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์ขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมากที่สุดถึง 12 เทคโนโลยี รวมจำนวน 28 สัญญา
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกรมวิชาการเกษตรทั้งชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรคพืช ปุ๋ยชีวภาพ และชุดตรวจสอบและเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น การผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลายวัสดุอินทรีย์ ระบบจัดการน้ำอัจฉริยะเพื่อเกษตรแม่นยำ สูตรและกรรมวิธีการผลิตแป้งและสเปรย์ดับกลิ่นเท้าจากสารสกัดเปลือกมังคุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย กองแผนงานและวิชาการ กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0 2579 1306