ปิดสถิติการค้าเกษตร 8 เดือน ปี 68 ไทยเกินดุล 7 แสนล้าน ทุเรียนครองแชมป์ส่งออกจีน สศก. แนะเร่งใช้ FTA เพิ่มโอกาส รับมือเศรษฐกิจโลก

เปิดสถิติการค้าเกษตร 8 เดือน ปี 68 รวมทั้งสิ้น 1,661,483 ล้านบาท ซึ่งหดตัวร้อยละ 5.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ไทยรักษาดุลการค้าได้แข็งแกร่ง เกินดุล 7 แสนล้าน  เผยทุเรียน ครองแชมป์ นำทัพตลาดจีนส่งออก แนะเร่งใช้ FTA เพิ่มโอกาส รับมือปัจจัยผันผวนเศรษฐกิจโลก

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลกในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – สิงหาคม 2568) พบว่า ไทยมีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร (พิกัด 01-24 รวมยางพารา พิกัด 4001) รวมทั้งสิ้น 1,661,483 ล้านบาท ซึ่งหดตัวร้อยละ 5.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 1,183,482 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 6.01 และการนำเข้ามูลค่า 478,001 ล้านบาท      หดตัวร้อยละ 3.01อย่างไรก็ตาม แม้มูลค่าการค้าจะหดตัว แต่ประเทศไทยยังคงเกินดุลการค้าสินค้าเกษตรถึง 705,481 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลก

เมื่อพิจารณาสินค้าเกษตรที่มูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก พบว่า ทุเรียนสด ยังคงเป็นแชมป์อันดับหนึ่งด้วยมูลค่าสูงถึง 118,702 ล้านบาท แม้จะหดตัวลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.40 ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดจีนที่เป็นตลาดหลัก ตามมาด้วย ข้าว มูลค่า 86,116 ล้านบาท ซึ่งเผชิญกับอัตราการหดตัวสูงถึงร้อยละ 36.94 อันดับสามคือ ยางธรรมชาติ มูลค่า 68,951 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 10.65 ขณะที่ ไก่แปรรูป อยู่ในอันดับที่สี่ มูลค่า 68,353 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 1.44 และอันดับที่ห้าคือ อาหารสุนัขหรือแมว มูลค่า 63,550 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินค้าที่ขยายตัวได้ร้อยละ 0.14 สวนทางกับภาพรวม

ในส่วนของสินค้านำเข้า 5 อันดับแรก ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์และแปรรูปเพื่อส่งออก ได้แก่ ถั่วเหลือง มูลค่า 42,919 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 8.68 กากน้ำมัน และกากแข็งอื่นๆ ที่ได้จากการสกัดน้ำมันถั่วเหลือง มูลค่า 26,571      ล้านบาท หดตัวร้อยละ 22.69 อาหารปรุงแต่งอื่น ๆ มูลค่า 22,053 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 2.73 ข้าวสาลีและเมสลิน มูลค่า 21,538 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 7.63 และ มันสำปะหลัง มูลค่า 21,021.69 ล้านบาท ที่ขยายตัวร้อยละ 8.07 ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการแปรรูปเป็นอาหารสุนัขหรือแมวส่งออกด้วย

สินค้าเกษตรไทยยังคงมีโอกาสในตลาดโลกต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ทุเรียนสด ที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดจีน และสินค้าแปรรูปมูลค่าเพิ่มสูงอย่าง อาหารสุนัขหรือแมว และ ไก่แปรรูป ยังคงรักษาความแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าไทย นอกจากนี้ ความได้เปรียบที่สำคัญคือความหลากหลายของสินค้าและตลาดส่งออก และความสำเร็จในการเจรจาลดภาษีกับสหรัฐฯ เหลือร้อยละ 19 มีผลใช้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2568 จะช่วยรักษาขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดของสหรัฐฯ ได้

อย่างไรก็ตาม สินค้าเกษตรไทยยังคงเผชิญกับความผันผวนและความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สภาพอากาศที่แปรปรวน ต้นทุนการผลิตที่สูง การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก สินค้าส่งออกสำคัญบางรายการเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ  ข้าว ที่ต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรงจากอินเดียและเวียดนาม รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้การส่งออกลดลงค่อนข้างมากในขณะเดียวกัน ยางธรรมชาติ ก็เผชิญแรงกดดันจากราคาตลาดโลกที่ผันผวนและอุปสงค์จากตลาดต่างประเทศชะลอตัว

                                                         กาญจนา ขวัญเมือง

ด้านนางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อพิจารณาสถิติการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ พบว่าไทยยังคงเกินดุลการค้ากับคู่ค้าส่วนใหญ่ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้ ไทยและอาเซียน มีมูลค่าการค้าสินค้ารวมสูงสุดที่ 393,390 ล้านบาท แม้จะลดลงร้อยละ 5.81 แต่ไทยยังเกินดุลการค้า 133,264 ล้านบาท โดยมี น้ำตาลที่ได้จากอ้อย และ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญ ขณะที่การค้ากับ จีน มีมูลค่ารวม 380,177 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.89 แต่ไทยยังเกินดุลสูงถึง 246,101 ล้านบาท โดยมี ทุเรียนสด และ ยางธรรมชาติ เป็นสินค้าส่งออกหลัก

สำหรับ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการค้า 151,812 ล้านบาท ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.57 โดยไทยเกินดุล 91,310 ล้านบาท มี อาหารสุนัขหรือแมว และ ข้าว เป็นสินค้าทำเงิน และการค้ากับ ญี่ปุ่น มีมูลค่า 119,383 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.52 แต่ไทยยังเกินดุลสูงถึง 97,535 ล้านบาท นำโดย ไก่ปรุงแต่ง และ เนื้อไก่และเครื่องในแช่แข็ง

การค้ากับ สหภาพยุโรป มีมูลค่า 138,220 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.51 แต่ไทยยังคงเกินดุล 68,112 ล้านบาท โดยมี       ไก่ปรุงแต่ง และ อาหารสุนัขหรือแมว เป็นสินค้าส่งออกสำคัญ นอกจากนี้ การค้ากับ เอเชียใต้ มูลค่า 69,869 ล้านบาท และ รัสเซีย มูลค่า 5,469 ล้านบาท ยังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่ร้อยละ 5.49 และร้อยละ 12.15 ตามลำดับ และไทยยังคงเกินดุลการค้ากับทั้งสองภูมิภาค โดยมี น้ำมันปาล์มดิบ ยางธรรมชาติ และ ปลาทูนากระป๋อง สับปะรดปรุงแต่ง เป็นสินค้าส่งออกสำคัญตามลำดับ

สำหรับคู่ค้าอื่นๆ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา แม้มูลค่าการค้าโดยรวมลดลง แต่ไทยยังคงเกินดุลการค้าได้ในระดับสูง สำหรับกลุ่มประเทศที่ไทยขาดดุล ได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย/โอเชียเนีย ทวีปลาตินอเมริกา และสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าวัตถุดิบและอาหารทะเลแช่แข็งเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูป

แนวโน้มการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 มีลักษณะผสมผสาน โดยสินค้าหลักบางรายการที่ชะลอตัว เช่น ข้าว มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจนจากปัจจัยการแข่งขันด้านราคา ส่วน ยางธรรมชาติ ยังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้วัตถุดิบลดลง ในขณะที่สินค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น อาหารสุนัขหรือแมว และ อาหารปรุงแต่งอื่น ๆ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเกษตรไทย รวมถึงตลาดใหม่ ๆ ที่เปิดรับสินค้าไทยเพิ่มขึ้น การส่งออกโดยรวมแล้วไทยยังมีโอกาสในการขยายการส่งออกผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่ม การรักษามาตรฐานคุณภาพ และการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด