ประกาศิต “ธรรมนัส” สินค้าเกษตรต้องขยัยขึ้นภายใน 3 เดือน

“ธรรมนัส” ถือฤกษ์ในเวลา 09.00 น. พา 2 รัฐมนตรีช่วยฯ เข้าสักการะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรฯ พร้อมชูนโยบายเร่งด่วน ระยะสั้นแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ลั่นภายใน 3 เดือนราคาต้องขยับขึ้น

วันที่ 29 กันยายน 2568 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยถือฤกษ์ในเวลา 09.00 น. เข้าสักการะห้องพิรุณ 130 (ห้องพระ อาคาร 1 ชั้น 4) สักการะศาลพระภูมิชัยมงคล สักการะศาลท้าวเวสสุวรรณ สักการะศาลตา-ยาย สักการะองค์พระพิรุณทรงนาค (หน้าอาคาร 1) และสักการะองค์พระพิรุณทรงนาค (ห้องพิพิธภัณฑ์) ก่อนถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริเวณหน้าอาคาร 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ร้อยเอก ธรรมนัส  กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เตรียมขับเคลื่อนทันทีภายใต้กรอบระยะเวลาอันสั้น ได้แก่ การแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหาต้นทุนการผลิตสูง ปัญหาเพดานภาษีทรัมป์ซึ่งต้องประสานกระทรวงพาณิชย์เพื่อเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังเพราะกระทบภาคเกษตร และปัญหาความไม่สงบตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มาตรการประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อนจะเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยเตรียมปรับโฉมหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชโดยใช้มืออาชีพ และร่วมบูรณาการอย่างเข้มข้นกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

สำหรับสถานการณ์น้ำ เบื้องต้นได้ลงพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระราม 6 โดยได้สั่งการกรมชลประทานเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนการดำเนินงานไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะพายุบัวลอยที่กำลังจะพัดผ่านประเทศไทยวันนี้เป็นวันแรก นอกจากนี้ ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี
ได้วางแผนระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยต้องเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำภาคเหนือจนถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ จังหวัดพะเยา แพร่ สุโขทัย ตราด พิจิตร ซึ่งจะต้องหารือ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการน้ำภาพรวมทั้งประเทศ รวมทั้งการแก้ระเบียบการระบายน้ำให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย

ส่วนราคายางพาราตกต่ำนั้น ในวันที่ 2 ตุลาคม 2568 นี้ ภายหลังการมอบนโยบายแก่ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ แล้ว จะมีการลงนาม MOU ร่วมกัน 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงเกษตรฯ โดยการยางแห่งประเทศไทยกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ได้เตรียมมาตรการขยายตลาดการใช้ยางพาราไปยังต่างประเทศเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งตั้งเป้าหมายให้ราคาสินค้าเกษตรขยับสูงขึ้นภายใน 3 เดือน