
“การปลูกอ้อยในปัจจุบันไม่ใช่ แค่การผลิตเพื่อให้ได้ปริมาณ แต่ต้องตอบโจทย์ความยั่งยืนด้ วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ เหมาะสมในแต่ละช่วงการปลูกเป็ นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสารกระตุ้นทางชี วภาพที่ช่วยสร้างต้นอ้อยแข็งแรง หรือผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ฟื้นฟูดิ นและเพิ่มความทนทาน การใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่ างถูกต้องช่วยให้เกษตรกรเพิ่ มผลผลิตและรักษาคุณภาพอ้ อยในระยะยาว”
แม้ในปีนี้ ไทยยังครองอันดับ 2 ของโลกด้านการส่งออกน้ำตาล รองจากบราซิล แต่ถ้าดูในมุมมองด้านผลผลิตต่ อไร่ พบว่ายังต่ำกว่าคู่แข่งอยู่มาก เนื่องจากเกษตรกรต้องเผชิญทั้ งสภาพดินเสื่อม โรค แมลง ต้นทุนสูง แรงงานขาดแคลน และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันกระแสผู้บริโภคทั่ วโลกต่างหันมาให้ความสำคัญกับ “อาหารปลอดภัยและการผลิตที่ยั่ งยืน”
นี่คื อโอกาสของเกษตรกรไทยในการยกระดั บการผลิตอ้อยด้วยนวั ตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สารกระตุ้ นทางชีวภาพและการจัดการไร่อ้ อยแบบครบวงจรมาประยุกต์ใช้ พร้อมยกระดับทักษะเกษตรกรและสร้ างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่ มผลผลิตและคุณภาพน้ำตาล ทำให้ไทยไม่เพียงแต่รักษาอันดั บแต่ยังมีโอกาสก้าวสู่ผู้ส่ งออกอันดับ 1 ของโลกได้

การช่วยยกระดับอุ ตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยให้ สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ควรเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำด้วย การเลือกพันธุ์อ้อยที่เหมาะสมกั บพื้นที่ การเพิ่มประสิทธิภาพการปลู กและดูแลรักษาอ้อย ตลอดจนถึงการเก็บเกี่ยว โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการปลู กอ้อยให้ชาวไร่อ้อยสามารถทำได้ 3 ด้าน ได้แก่ 1. การเพิ่มผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 2. การเพิ่มระยะเวลาการไว้ตอ และ 3. การลดต้นทุนการเพาะปลูกและสร้ างรายได้เสริม
หนึ่งในแนวทางสำคัญคือการนำ ผลิตภัณฑ์ชีวภาพและธาตุ อาหารเสริม มาใช้ในการปลูกอ้อย ซึ่งช่วยฟื้นฟูสุขภาพดิน เสริมความแข็งแรงของต้นอ้อย และเพิ่มคุณภาพผลผลิต การเกษตรแบบฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) จึงถูกนำมาประยุกต์ใช้ ปรับวิธีการปลูกอ้อยจากรูปแบบดั้ งเดิมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้น้ำและปัจจัยการผลิต ป้องกันการเสื่อมโทรมของดิน และช่วยให้พืชปรับตัวต่ อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้
ซินเจนทา ในฐานะผู้นำด้านนวั ตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร ได้นำเสนอโซลูชันสำหรับอ้อยตั้ งแต่ระยะเริ่มปลูกจนถึงการเก็ บเกี่ยว ในส่วนของผลิตภัณฑ์สารกระตุ้ นทางชีวภาพและธาตุอาหารเสริม เช่น ควอนติส (Quantis) ผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากการหมักอ้ อยและยีสต์ ช่วยให้พืชทนต่อความร้อนและแล้ง โดยมีกลไกการทำงาน คือ กระตุ้นเมตาบอลิซึมเฉพาะ ช่วยลดความเสียหายจากสภาพแวดล้ อม รักษาผลผลิต และมีองค์ประกอบของธาตุอาหาร (โพแทสเซียม และแคลเซียม) เพื่อช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตที่ สมบูรณ์ ช่วยเพิ่มปริมาณและคุ ณภาพของผลผลิต นอกจากนี้ยังมีสารอารักขาพืชอย่ าง คาลารีส (Calaris) ที่ช่วยควบคุมและกำจัดวัชพืชที่ เหมาะกับทั้งใบแคบและใบกว้าง ทำให้เกษตรกรจัดการวัชพืชได้ง่ ายขึ้นและลดการแย่งอาหารของอ้อย

พิษณุ อภิราชกมล
นายพิษณุ อภิราชกมล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จํากัด กล่าวว่า การปลูกอ้อยในปัจจุบันไม่ใช่ แค่การผลิตเพื่อให้ได้ปริมาณ แต่ต้องตอบโจทย์ความยั่งยืนด้ วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ เหมาะสมในแต่ละช่วงการปลูกเป็ นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสารกระตุ้นทางชี วภาพที่ช่วยสร้างต้นอ้อยแข็งแรง หรือผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ฟื้นฟูดิ นและเพิ่มความทนทาน การใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่ างถูกต้องช่วยให้เกษตรกรเพิ่ มผลผลิตและรักษาคุณภาพอ้ อยในระยะยาว
ดังนั้นการนำผลิตภัณฑ์สารกระตุ้ นทางชีวภาพไปใช้อย่ างเหมาะสมจะช่วยให้ต้นอ้ อยแตกกอดี มีลำต้นอวบใหญ่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสั งเคราะห์แสง ทนต่อความแล้ง การสนับสนุนเกษตรกรให้เข้ าใจและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึ งเป็นสิ่งสำคัญ และทีมของซินเจนทาได้ตระหนั กและให้ความสำคัญในการเข้ามามี บทบาทใกล้ชิด ผ่านการสาธิตในแปลงจริง การอบรม ไปจนถึงการติดตามผล เพื่อให้เกษตรกรใช้ผลิตภัณฑ์ได้ อย่างถูกต้องและเห็นผลจริง
“ซินเจนทามองว่าการสนับสนุ นเกษตรกรไม่ใช่เพียงการจำหน่ ายผลิตภัณฑ์ แต่การสร้างความรู้และทั กษะในการจัดการไร่อ้อยอย่างยั่ งยืน ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรั บชาวซินเจนทา ผลิตภัณฑ์ของเราจึงออกแบบให้ สอดคล้องกับทุกขั้ นตอนของการเพาะปลูก เพื่อให้ต้นอ้อยเติบโตแข็งแรง ให้ผลผลิตและมีคุณภาพสูงสุด การสนับสนุนและการอบรมในช่ วงแรกช่วยให้เกษตรกรปรับตัวได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลลัพธ์ด้วยตนเอง จึงนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่ งยืน” นายพิษณุ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในอีก 3–5 ปีข้างหน้า บทบาทของผลิตภัณฑ์สารกระตุ้ นทางชีวภาพจะยิ่งทวีความสำคัญต่ อการปลูกอ้อยไทยในแง่การเพิ่มทั้ งปริมาณและคุณภาพ ซินเจนทาพร้อมเป็นพันธมิตรที่ เดินเคียงข้างเกษตรกรในทุกฤดู การปลูก เพื่อให้อ้อยไม่ใช่เพียงผลผลิ ตทางการเกษตร แต่เป็นรากฐานที่มั่ นคงของเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้ อมของประเทศ การดูแลไร่อ้อยอย่างมีระบบช่ วยเพิ่มทั้งปริมาณและคุ ณภาพผลผลิต ขณะที่การใช้ผลิตภัณฑ์สารกระตุ้ นทางชีวภาพที่เหมาะสม จะทำให้ต้นอ้อยแข็งแรง ทนทานต่อโรคและสภาพอากาศที่ผั นผวน ช่วยลดต้นทุนและยกระดับคุ ณภาพการผลผลิต
ทั้งนี้เมื่อเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวอ้ อยคุณภาพดีและได้ผลผลิตต่อไร่ที่ สูงขึ้น ก็จะมีรายได้มั่นคง พร้อมต่อยอดสู่รายได้ที่แข็ งแรงของประเทศ การลงทุนในการปลูกอ้อยอย่างมีคุ ณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ชี วภาพและนวัตกรรมการเกษตร จึงไม่ใช่เพียงการแก้ปั ญหาระยะสั้น แต่คือการสร้างอนาคตที่มั่นคง แข็งแรง และยั่งยืนให้กับทั้ งเกษตรกรและประเทศไทย