ทุ่งบางระกำเก็บน้ำเกือบเต็มแล้ว ขณะที่เขื่อนทั่วไทยกักเก็บน้ำได้ 78 % ของความจุอ่างฯทั้งหมด

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน เผยล่าสุดทุ่งบางระกำเก็บน้ำจากแม่น้ำยมเกือบเต็มแล้ว สามารถบรรเทาผลกระทบลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวม 59,804 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ รวมทั้งหมด พร้อมเตือนประชาชนโดยเฉพาะภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังฝนตกหนัก – สะสม อาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

วันที่ 21 กันยายน 2568 ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานว่า จากการติดตามคาดการณ์สภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ในช่วงวันที่ 21 – 27 กันยายน 2568 นี้ ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังฝนตกหนัก – สะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม
.
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานการติดตามพายุไต้ฝุ่น “รากาซา (RAGASA)” ที่ก่อตัวอยู่บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ขณะนี้พายุกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ก่อนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ อิทธิพลของพายุลูกนี้จะทำให้มรสุมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศแจ้งเตือนเป็นระยะ จึงควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง


.
สำหรับพื้นที่ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งทำหน้าที่เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำจากลุ่มน้ำยม ช่วยบรรเทาน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ปัจจุบันสามารถกักเก็บน้ำได้แล้ว 397 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุ (400 ล้าน ลบ.ม.)
.
ด้านสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวม 59,804 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ รวมทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,700 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,548 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 83 ของความจุอ่างฯ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 4,300 ล้าน ลบ.ม.


.
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve: URC) กรมชลประทานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก, เขื่อนแม่มอก จังหวัดลำปาง, เขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี, เขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร, เขื่อนน้ำพุง จังหวัดสกลนคร, เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ, เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น, เขื่อนบางพระ จังหวัดชลบุรี และเขื่อนนฤบดินทรจินดา จังหวัดปราจีนบุรี
.
กรมชลประทานได้ติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณฝนและน้ำท่า มีการนำน้ำเข้าสู่คลองชลประทานเต็มศักยภาพ ควบคู่กับการสูบน้ำเร่งระบายน้ำส่วนเกินลงสู่อ่าวไทย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด ติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำเพิ่มเติมได้ที่ wmsc.rid.go.th และ bigdata-swoc.rid.go.th