กรมประมง เผยผลสำเร็จโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล คืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ ฟื้นชีวิตใหม่ให้ท้องทะเลไทย

กรมประมง เดินหน้าติดตามผลการดำเนินงานโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล หลังการจัดวางบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลในเขตพื้นที่ 6 จังหวัด “ชลบุรี-ประจวบคีรีขันธ์- ตราด พังงา- ตรัง-จันทบุรี” ที่ได้ดำเนินการจัดสร้างในระหว่างปี พ.ศ. 2555 – 2567 พบว่าพื้นที่ที่จัดวางแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลสามารถเป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น เกิดการฟื้นตัวของทรัพยากรประมงทะเล อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้และความมั่นคงในอาชีพประมงพื้นบ้าน สอดรับกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า…กรมประมง โดย กองวิจัยและพัฒนาประมงทะเลได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความสมบูรณ์ของท้องทะเล เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการโครงการทดลองการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 และดำเนินการจัดสร้างฯ มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 จนถึงปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมประมงได้ดำเนินการศึกษาเก็บข้อมูลและพัฒนารูปแบบการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลด้วยวิธีการจัดวางตามรูปแบบและผังการจัดวางที่กำหนดขึ้นตามหลักวิชาการ การพัฒนาการใช้วัสดุการจัดสร้างฯ ตั้งแต่ ท่อคอนกรีต ปลอกบ่อซีเมนต์ แท่งคอนกรีตขนาดเล็ก

                                                                    บัญชา สุขแก้ว

จนปัจจุบันกรมประมงใช้แท่งคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาด 1.5×1.5×1.5 เมตร เป็นแบบมาตรฐานในการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล เพราะเป็นวัสดุที่มีความเหมาะสมเข้ากันได้กับสภาพแวดล้อมทางทะเลและมีประสิทธิภาพในการเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำได้ ซึ่งจากการติดตามผลที่ผ่านมาในหลายพื้นที่พบว่าบริเวณแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลจะเป็นบริเวณที่มีผลผลิตเบื้องต้นจำพวกสารอินทรียวัตถุและแพลงก์ตอนพืช ซึ่งเหมาะสำหรับเป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตในทะเล

นอกจากนี้ ยังเป็นบริเวณที่เหมาะสมสำหรับเป็นแหล่งผสมพันธุ์ วางไข่ และแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำ เนื่องจากแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลสามารถปกป้องสัตว์น้ำวัยอ่อนจากเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพสูงได้ จึงสามารถเป็นแหล่งทดแทนประชากรสัตว์น้ำได้ด้วยการสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล เพื่อให้ประชากรสัตว์น้ำคงอยู่ได้โดยไม่สูญพันธุ์ ทำให้เกิดเป็นระบบนิเวศใหม่และสร้างผลผลิตเพิ่มขึ้นตามระบบห่วงโซ่อาหาร

จากผลการศึกษา ประจำปี 2568 พบว่าแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลยังคงมีความสมบูรณ์ โดยแท่งคอนกรีตที่จัดสร้างเป็นกลุ่มไม่พบการแตกหัก รอยร้าว หรือความเสียหาย ลักษณะพื้นท้องทะเลเป็นทรายและโคลนปนทราย มีการจมตัวเฉลี่ยร้อยละ 7.2–20.0 อีกทั้ง ยังพบสิ่งมีชีวิตเกาะติดเข้ามายึดพื้นที่และเจริญเติบโตอย่างแพร่หลาย เช่น หอยสองฝา เพรียงหิน ฟองน้ำ และไฮดรอยด์ ด้านความหลากหลายของสัตว์น้ำ พบว่าจากเดิมที่มีจำนวนเพียง 10–29 ชนิด ภายหลังการจัดสร้างครบ 3 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 18–42 ชนิด

กลุ่มปลาที่พบมาก ได้แก่ ปลากะพง ปลากะรัง ปลากุดสลาด ปลาสร้อยนกเขา และปลาน้ำดอกไม้ รวมถึง ปลาสวยงามหลากหลายชนิด เช่น ปลาโนรีครีบยาว ปลาสิงโต ปลาผีเสื้อเทวรูป ปลาหูช้าง และปลาสลิดหิน นอกจากนี้ การศึกษาผลการจับสัตว์น้ำด้วยเครื่องมือประมงพื้นบ้านยังพบว่าภายหลังการจัดสร้างสามารถจับสัตว์น้ำได้มากขึ้นอย่างชัดเจน เช่น การใช้ลอบหมึกมีอัตราการจับเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า อีกทั้ง ยังช่วยให้ชาวประมงมีระยะเวลาทำการประมงยาวนานขึ้นและมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผลสำรวจความพึงพอใจของชาวประมงต่อแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล พบว่าชาวประมงส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล และต้องการให้มีการดำเนินการเพิ่มเติมในพื้นที่ของตน เนื่องจากสามารถเพิ่มปริมาณและความหลากหลายของสัตว์น้ำ ทำให้จับสัตว์น้ำได้หลายชนิด มีน้ำหนักมากขึ้น อีกทั้ง ยังพบสัตว์น้ำหายากหรือชนิดที่ไม่เคยพบมาก่อน นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือประมงมีความหลากหลายยิ่งขึ้น ส่งผลให้คนในชุมชนหันมาประกอบอาชีพประมงเพิ่มขึ้น สามารถสร้างรายได้ต่อครัวเรือนสูงขึ้น และใช้เวลาในการทำประมงแต่ละเที่ยวลดลง โดยชาวประมงมีความเห็นร่วมกันว่าแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูทรัพยากรที่เสื่อมโทรม และสร้างความมั่นคงยั่งยืนแก่อาชีพประมงในท้องถิ่น

กรมประมงยังคงมุ่งมั่นในการผลักดันการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล โดยยึดหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลของไทยเกิดความสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว พร้อมทั้งสามารถพัฒนาวิธีการและรูปแบบโครงสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล จึงไม่ใช่เพียงโครงสร้างที่อยู่ใต้น้ำ แต่คือ “ความหวัง” ของทะเลไทย ให้กลับมาคงความสมบูรณ์และยั่งยืนสืบไป