หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯในพื้นที่ เล็งผลักดัน “หน่อไม้เป๊าะ” จ.แพร่ สู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูง นำร่อง “กลุ่มแปลงใหญ่ไผ่เป๊าะ” ที่มีศักยภาพการผลิตสูงสามารถทำรายได้ไร่ละเป็นแสนต่อปี ทำเงินเข้ากลุ่มปีละถึง 15 บาท ล่าสุด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เตรียมเสนอโครงการเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรระดับหมู่บ้านสู่เกษตรมูลค่าสูง ตามแนวทาง BCG Model โดยใช้เป็นฐานในการขอรับการสนับสนุนงบพัฒนาจังหวัดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2570
นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 พิษณุโลก(สศท.2) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ไผ่นับเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ของจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะไผ่เป๊าะ ซึ่งมีเนื้อที่ปลูกรวม 450 ไร่ กระจายในหลายอำเภอ เป็นที่นิยมในเมนูอาหารพื้นถิ่นของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สร้างมูลค่าทางการค้าให้กับจังหวัดแพร่มากกว่า 40 ล้านบาท/ปี
ทั้งนี้ทางหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่เตรียมผลักดันหน่อไม้ไผ่เป๊าะ เป็น 1 ในสินค้าเกษตรมูลค่าสูงของจังหวัด โอยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดแพร่ได้เตรียมจัดทำข้อเสนอโครงการเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรระดับหมู่บ้านสู่เกษตรมูลค่าสูง ตามแนวทาง BCG Model โดยจะใช้เป็นฐานในการขอรับการสนับสนุนงบพัฒนาจังหวัดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2570
จากการลงพื้นที่ติดตามของ สศท.2 พบว่า จังหวัดแพร่มีการรวมกลุ่มเกษตรกรจัดตั้งเป็นเกษตรแปลงใหญ่ไผ่เป๊าะ จำนวน 4 แปลง โดยแปลงใหญ่ที่ประสบความสำเร็จและได้รับคัดเลือกเป็นพื้นที่เป้าหมายโครงการฯ คือ กลุ่มแปลงใหญ่ไผ่เป๊าะ ตำบลป่าสัก อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เริ่มรวมกลุ่มจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน ปี 2562 และเข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2564 ปัจจุบันมีเนื้อที่ปลูก 150 ไร่ สมาชิกเกษตรกร 116 ราย มีนายสมพงษ์ ปวนหนิ้ว เป็นประธานกลุ่ม ซึ่งกลุ่มมีพื้นที่เพาะปลูกเอื้ออำนวยต่อการผลิต มีรูปแบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ผลิตและผู้บริโภคท โดยผลผลิตของกลุ่ม ผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP
นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถผลิตหน่อไม้เป๊าะนอกฤดูในช่วงต้นปีได้ (ม.ค. – ก.พ.) ส่งผลให้สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาสูงและมีผลผลิตจำหน่ายได้ต่อเนื่องถึง 7 เดือน (ม.ค. – ก.ค.) ซึ่งแตกต่างจากแหล่งผลิตในภาคเหนือตอนบนที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นส่งผลทำให้ไผ่เป๊าะไม่แตกหน่อ
ด้านสถานการณ์การผลิตของกลุ่มแปลงใหญ่ไผ่เป๊าะตำบลป่าสัก พบว่า ในการปลูกหน่อไม้ไผ่เป๊าะ เกษตรกรจะเลือกใช้กิ่งพันธุ์จากแปลงไผ่ของตนเองในการปลูกเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยขยายเป็นกอให้มีประมาณ 80 กอ/ไร่ เกษตรกรรายใหม่จะนิยมปลูกช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ที่เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่อครบอายุประมาณ 1 ปีหลังปลูก กลุ่มได้ผลผลิตรวม 8 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 8,000 กิโลกรัม/ไร่/ปี ส่งผลให้กลุ่มได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 80,000 – 104,000 บาท/ไร่/ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 40,000 – 64,000 บาท/ไร่/ปี
อย่างไรก็ตามหากคิดเป็นผลตอบแทนจากการผลิตรวมของทั้งกลุ่มจะสูงถึง 12-15 ล้านบาท/ปี สำหรับด้านการตลาด ผลผลิตมากกว่าร้อยละ 95 จำหน่ายให้กับพ่อค้ารวบรวมในพื้นที่ซึ่งเข้ามารับซื้อถึงแปลงของเกษตรกร ผลผลิตส่วนที่เหลือจะจำหน่ายภายในชุมชน ราคาที่เกษตรกรจำหน่ายได้จะแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ราคาภาพรวมเฉลี่ยทั้งปีอยู่ระหว่าง 10 – 13 บาท/กิโลกรัม หากพิจารณาราคาจำแนกตามช่วงเวลา พบว่า ช่วงต้นฤดู (ม.ค. – ก.พ.) ราคาผลผลิต เกรด A อยู่ระหว่าง 35 – 40 บาท/กิโลกรัม เกรด B อยู่ระหว่าง 20 – 25 บาท/กิโลกรัม และเกรด C ราคาต่ำกว่า 20 บาท/กิโลกรัม
ช่วงกลางฤดู (มี.ค. – พ.ค.) ผลผลิต เกรด A อยู่ที่ 20 บาท/กิโลกรัม เกรด B อยู่ที่ 15 บาท/กิโลกรัม เกรด C อยู่ที่ 10 บาท/กิโลกรัม และช่วงปลายฤดู (มิ.ย. – ก.ค.) ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตออกตรงกับหน่อไม้ป่าจากแหล่งอื่น ๆ จะขายในรูปแบบเหมาคละเกรดราคาอยู่ที่ 5 บาท/กิโลกรัม