ดลมนัส กาเจ

 

“วิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี@ปากน้ำแหลมสิงห์” ประกาศเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายทะเล เป้าหมายการส่งออก หลังพบว่ากลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง-อาเซียนให้ความสนใจ เผยแค่หันมาทอลองเพาะเลี้ยงและแปรรูปได้เพียง 2 ปีสามารถทำเล็ดเงินเข้าสู่กลุ่มแล้วหลักล้านบาท จากที่เริ่มต้นสร้างรายได้เพียงเดือนละ 1 หมื่นบาทเม่านั้น

  สุภิดา ลิ้นทอง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี@ปากน้ำแหลมสิงห์ หนึ่งในกลุ่มเกษตรกร ที่เลี้ยงและแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลจนประสบความสําเร็จ บอกว่า หลังจากที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดําริ อําเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ได้ส่งเสริมเกษตรกรและชุมที่อยู่ริมชายฝั่งทะเลมาเพาะเลี้ยงและแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลเมื่อ 2 ปี ทางกลุ่มฯได้ทดลองสาหร่ายผักกาดทะเล ในถังขนาด 500 ลิตร 8 ใบ ได้ผลผลิตที่อบแห้งเดือนละ 20 กก.สร้างรายได้เดือนละ 10,000 บาท โดยสาหร่ายผักกาดทะเลสดราคา กก.ละ 500 บาท อบแห้งราคา กก.ละ 5,000 บาท

ต่อมาทางสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)  หรือ สวก.สนับสนุนงบประมาณมาขยายถังเพาะเลี้ยงเพิ่มเติมจนสามารถสร้างรายเดือนละเฉพาะสาหร่ายอบแห้งได้เดือนละ 25,000 บาท และได้นำมาแปรรูปมาเป็นผลิตภัณฑ์กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ อาทิ สาหร่ายผักกาดทะเลตากแห้ง บะหมี่สาหร่ายผักกาดทะเล บะหมี่สาหร่ายผักกาดทะเลพร้อมผง ปรุง 6 รสชาติ ผักม้วนสาหร่ายผักกาดทะเล พาสต้าสาหร่ายผักกาดทะเล เซรั่มบํารุงผิวหน้าผสมสารสกัดจาก สาหร่ายผักกาดทะเล แชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ โลชั่นบํารุงผิวกายผสมสารสกัดจากสาหร่ายผักกาดทะเล เป็นต้น

ปัจจุบันสามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้สูงถึงหลักล้านบาทต่อปี โดยมีตลาดหลักเป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาศึกษาดูงาน และการขายผ่านระบบออนไลน์ และเร็ว ๆ นี้ยังเตรียม ที่จะส่งออกด้วย ทั้งนี้จากการประเมินตลาดส่งออกพบว่ากลุ่มประเทศในตะวันออกและอาเซียนให้ความสนใจอย่างมีนัยสำคัญที่สามารถจะสร้างรายได้คาดจะได้เลข 9 หลักหรือหลักร้อยล้านแน่นอน (รายละเอียดในคลิป)