
ชาวสวนผู้ปลูกอินทผาลัม และสละได้เฮ!! สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรั ฐประชาชนจีน ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจประเมินสวน โรงคัดบรรจุ กรมวิชาการเกษตร ลุ้นที่จะได้เปิดตลาดสินค้าเกษตรใหม่ไปยั งจีน หวังจะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคา และป้องกันปัญหาสินค้ าเกษตรราคาตกต่ำ
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้ให้การต้อนรับ Mr. GAO Baoli จากสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรั

ทั้งนี้ “อินทผลัม”และ“สละ” นับเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูง และได้รับความนิยมในตลาดจีน การเปิดตลาดใหม่เพื่อส่งออกไปยั งจีน จะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคา ป้องกันปัญหาสินค้ าเกษตรราคาตกต่ำ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคั ญในการเพิ่มรายได้ให้แก่ เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย โดยการได้รับการตรวจประเมินจาก GACC เปรียบเสมือน “ใบผ่านทาง” ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ นำเข้าว่า สินค้าเกษตรของไทยมี มาตรฐานการผลิต การบรรจุ และการควบคุมคุณภาพที่เป็ นไปตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพื ชและความปลอดภัยทางอาหารตามพิธี สารความร่วมมือไทย-จีน
การลงพื้นที่ตรวจประเมิ นในครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในภารกิ จการตรวจประเมินแหล่งผลิต โรงคัดบรรจุ และด่านตรวจพืชของเจ้าหน้าที่ GACC รวมถึงการเยี่ ยมชมกระบวนการควบคุมคุณภาพ และห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ศั ตรูพืช ที่มีขึ้นในระหว่างวันที่ 5-9 สิงหาคม 2568 ณ ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภู มิ

นายรพีภัทร์ กล่าวอีกว่า อินทผลัมและสละเป็นพืชเศรษฐกิ จที่มีศักยภาพ สำหรับอินทผลัมมีการผลิตมากกว่า 2,000 ตันต่อปี โดยไทยนิยมปลูกอินทผลัมพันธุ์ บาฮี (Barhi) มีผลผลิตออกมากในช่วงกลางเดื อนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม ในปี 2567 ไทยมีการส่งออกอินทผลัมผลสด ปริมาณ 846.30 กิโลกรัม มูลค่า 25,554 บาท ประเทศที่ส่งออก เช่น บรูไนดารุสซาลาม มัลดีฟส์ บาห์เรน รัสเซีย และฮ่องกง เป็นต้น ส่วนอินทผลัมแห้ง มีปริมาณ 250,626 กิโลกรัม มูลค่า 15,672,313.52 บาท ประเทศที่ส่งออก ได้แก่ ออสเตรเลีย และเวียดนาม
ส่วนสละไทยมีการผลิตได้ประมาณ 32,000 ตันต่อปี โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่ พันธุ์สุมาลี พันธุ์เนินวง พันธุ์หม้อ และพันธุ์อินโด สามารถเก็บเกี่ยวได้ทั้งปี แต่จะให้ผลผลิตมากในช่วงเดื อนพฤษภาคม – มิถุนายน และเดือนสิงหาคม – กันยายน ซึ่งในปี 2567 ไทยมีการส่งออกสละ ปริมาณ 98,654.54 กิโลกรัม มูลค่า 5,138,421.45 บาท ประเทศที่ส่งออก เช่น รัสเซีย มัลดีฟส์ เนเธอร์แลนด์ ซาอุดีอาระเบีย และสหราชอาณาจักร เป็นต้น

“การเปิดตลาดใหม่นี้ จะช่วยรองรับการนำเข้าพื ชผลสดไทยไปสู่ตลาดจีน และช่วยให้กระบวนการส่งออกดำเนิ นไปอย่างราบรื่น ลดอุปสรรคทางการค้า อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดเพิ่ มมูลค่าการส่งออกได้อย่างต่อเนื่ องและยั่งยืน โดยความร่วมมือกับ GACC ยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ ยนองค์ความรู้ด้ านการตรวจสอบและควบคุมศัตรูพืช ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการส่งออกอย่ างยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ งขันของสินค้ าเกษตรไทยในระยะยาว” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว