กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าแคมเปญ ผลไม้ไทยใกล้ฉัน ยกระดับ “ลำไยคุณภาพ” จากสวนสู่ตลาดด้วยแนวคิดผลิตลำไยอย่างมีมาตรฐานตลาดต้องการจริงเกษตรกรมีรายได้ยั่งยืนมุ่งเป้าพัฒนาเกษตรกรให้รวมกลุ่มบริหารจัดการผลผลิตแบบมืออาชีพ สร้างความเข้มแข็งทั้งระบบการผลิต การตลาด และคุณภาพ
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังสถานการณ์การผลิตลำไย พร้อมสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการว่าภาครัฐมีแผนบูรณาการ รับมือผลผลิตลำไยอย่างรอบด้าน
ทั้งการกระจายผลผลิต การรักษา เสถียรภาพราคา และการสนับสนุนศักยภาพการส่งออก ปีนี้คาดการณ์ว่าผลผลิตลำไยจะออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ในการบริหารจัดการผลผลิตอย่างใกล้ชิด เพื่อพยุงราคาและดูดซับอุปทานส่วนเกิน
พีรพันธ์ คอทอง
ปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตรหนุนให้เกษตรกร รวมกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ที่มีพื้นที่การปลูกลำไย กว่า 240 กลุ่มทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ เช่น จ.ลำพูน เชียงใหม่ พะเยา ตาก จันทบุรี และปราจีนบุรี สำหรับภาคเหนือ จำนวน 195 แปลง พื้นที่ 77,544 ไร่ เปิดจุดรับซื้อลำไย ภาคเหนือ จำนวน 289 แห่ง โดยจำหน่ายผลสด อบแห้งทั้งเปลือก เนื้อสีทอง และแปรรูป โดยสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการจัดการสวนให้ได้มาตรฐาน GAP และส่งเสริมการขึ้นทะเบียน GI เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต “แปลงใหญ่ไม่ใช่แค่การปลูกเหมือนกัน แต่คือการรวมพลังเพื่อจัดการต้นทุน คุณภาพ และตลาดร่วมกัน”
นายพีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานอย่างเป็นรูปธรรม เช่นจังหวัดลำพูน ได้จัดลงนาม MOU โดยผนึกกำลังระหว่างเครือข่ายแปลงใหญ่ และสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้งภาคเหนือเพื่อเชื่อมโยงตลาดลำไยภายในพื้นที่และเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายผลผลิตลำไยรูดร่วงให้กับโรงงานแปรรูปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีกลุ่มแปลงใหญ่และเครือข่ายในจังหวัดลำพูนกว่า 20 กลุ่ม นับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบการตลาดสินค้าเกษตรแบบมีส่วนร่วม พร้อมทั้งยกระดับการพัฒนาศักยภาพการผลิตของกลุ่มเกษตรกร
นอกจากนี้ยังได้ผลักดันผลผลิตลำไยคุณภาพจากแปลงใหญ่โดยตรง เข้าสู่ห่วงโซ่การค้า เช่น ตลาดค้าส่ง ตลาดค้าปลีก ตลาดส่งออกไปจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และตะวันออกกลางรวมถึง กรมฯ ได้เปิดตัวแคมเปญ “ผลไม้ไทยใกล้ฉัน” ภายใต้ธีม “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยไปต่อ” เชิญชวนคนไทยเลือกซื้อผลไม้ไทยคุณภาพดีจากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com และผ่านจุดจำหน่ายของตลาดเกษตรกรในทุกจังหวัดทั่วประเทศจำหน่ายโดยเกษตรกรตัวจริงในราคาที่ยุติธรรม
พร้อมกันนี้สนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรขอรับการสนับสนุนสินเชื่อโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ได้จัดทำโครงการสินเชื่อต่างๆ เพื่อรองรับกลุ่มเกษตรกรในฤดูกาลผลิตนี้ เช่น โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย (ระยะที่ 2) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม และขับเคลื่อนธุรกิจ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี (3 ปีแรก) เป็นต้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันแปลงใหญ่ลำไยหลายพื้นที่สามารถจำหน่ายลำไยเกรดส่งออก แบบสดช่อ (มัดปุ๊ก) ได้ในราคา 28–32 บาท/กิโลกรัม โดยมีการคัดคุณภาพและจัดการผลผลิตในช่ออย่างสม่ำเสมอ ข้อมูลราคา ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ในขณะที่ลำไยร่วงเกรดรองสามารถนำไปแปรรูปหรืออบแห้งสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกเท่าตัว นอกจากนี้เกษตรกรแปลงใหญ่เข้าถึงการอบรม GAP แล้วกว่า 80% ระยะยาวการผลักดันลำไยคุณภาพจะส่งเสริมแปลงใหญ่ลำไยสู่ Smart Group เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ครบวงจรต่อไป
“การบริโภคลำไยไม่เพียงแต่ทำให้ได้สัมผัสรสชาติหวานอร่อย แต่ยังมีประโยชน์มากมาย ทั้งในเรื่องของการช่วยเพิ่มพลังงาน และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นอกจากนี้ ลำไยยังเป็นแหล่งของวิตามินซีและสารต้าน อนุมูลอิสระที่ดี เราต้องการให้คนไทยได้รู้จักและเลือกบริโภคลำไยไทยที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยเกษตรกรในประเทศ มีรายได้ที่ยั่งยืน และผลักดันให้ตลาดลำไยไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว