นำความรู้จากอิสราเอล ปลูกกล้วยหอมทอง 3 ไร่ ได้ปีละเกือบ 3 แสน ความสำเร็จ “จักรินทร์ โพธิ์พรม”

กรมวิชาการเกษตร ชู “จักรินทร์ โพธิ์พรม” เกษตรกรปลูกกล้วยหอมทองแห่งบ้านโคก อำเภอสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี เป็น เกษตรกร GAP ดีเด่นแห่งชาติ ที่เอาความรู้ ประสบการณ์จริงจากอิสราเอล ที่เน้นเทคโนโลยีมาปรับใช้ในบริหารจัดการในพื้นที่ปลูก 3 ไร่สร้างรายปีละเกือบ 3 แสนบาท 
 
     นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในปี 2568 กรมวิชาการเกษตรได้คัดเลือกให้นายจักรินทร์ โพธิ์พรม เกษตรกรตำบลบ้านโคก อำเภอสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) โดยนายจักรินทร์เป็นเกษตรกรรายแรกที่เริ่มต้นและจุดประกายการปลูกกล้วยหอมทองเพื่อการค้าของจังหวัดอุดรธานี  และมีผลงานเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในด้านการผลิตกล้วยหอมทอง การพัฒนาเครือข่าย และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยนำทุกส่วนของกล้วยหอมทองมาใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นการลดปริมาณขยะในการผลิตพืชภายในแปลง  รวมทั้งยังเป็นเกษตรกรที่เรียนรู้จากประสบการณ์จริงและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้จนทำให้ประสบความสำเร็จจากเดิมที่เริ่มปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่จำนวน 3 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองรวมจำนวนทั้งสิ้น 600 ไร่ ทั้งในจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง
    ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของการประกอบอาชีพเกษตรกรรมสู่การสร้างอาชีพอย่างมั่นคงของ นายจักรินทร์  เกิดจากแรงบันดาลใจมาจากคำแนะนำของบิดาให้ปลูกกล้วยหอมทองซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มตลาดดีในขณะนั้น ในช่วงปี 2544 จึงตัดสินใจเดินทางไปทำงานในสวนปลูกกล้วยหอมและมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ประเทศอิสราเอล พร้อมกับได้นำประสบการณ์ ความรู้ และทุนทรัพย์กลับมาพัฒนาสวนกล้วยหอมทองของตนเอง 
โดยเน้นการวางผังแปลงอย่างเป็นระบบ ติดตั้งระบบน้ำหยด และใช้พลาสติกคลุมแปลง จากเดิมในพื้นที่มีการเตรียมแปลงปลูกแบบไม่คลุมพลาสติก ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านการเจริญเติบโตของต้นกล้วยหอมทอง น้ำไม่เพียงพอในการผลิตและวัชพืช จึงนำเทคโนโลยีใช้พลาสติกป้องกัน UV (carbon 3-7 %) มาปรับใช้กับการปลูกกล้วยหอมทองของตนเอง ทำให้สามารถป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ และป้องกันวัชพืชไม่ให้มารบกวนต้นกล้วย และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ต่อเนื่องจึงคุ้มค่ากับการลงทุน
  นอกจากนี้ นายจักรินทร์ ยังได้นำสารชีวภัณฑ์มาใช้ป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช เพื่อทดแทนการใช้สารเคมีในแปลงปลูกกล้วยหอมทอง เช่น การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา เพื่อป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าในกล้วยหอมทอง โดยใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา อัตรา 1.5 ลิตรต่อน้ำ 200 ลิตร ละลายน้ำกรองเอากากออกจากนั้นปล่อยไปตามระบบน้ำหยด (เดือนละ 1 ครั้ง)
ส่วนในช่วงฤดูฝนจะมีการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาผสมน้ำ อัตรา 250 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณลำต้นและใบเพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา พร้อมกับลดการเผา โดยนำเศษวัสดุธรรมชาติที่เหลือในแปลง เช่น ต้นกล้วย ใบกล้วย มาทำเป็นปุ๋ยหมัก บางส่วน เช่น เครือกล้วย ต้นกล้วย นำไปผลิตเส้นใย สำหรับการผลิตเสื้อผ้า ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้ศึกษางานวิจัยร่วมกับประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งยังผลิตภาชนะใส่อาหารเพื่อลดขยะในแปลงตามแนวคิด zero waste ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่า และเพิ่มช่องทางการตลาดได้อีกด้วย
     นายภัสชญภณ  กล่าวอีกว่า นายจักรินทร์ได้ทำโครงการผลิตกล้วยหอมทองปลอดสารเคมีส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น โดยมีการวางแผนการผลิต และขยายเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองเพิ่มขึ้น ส่วนผลผลิตอีกจำนวนหนึ่งจำหน่ายภายในประเทศ โดยในปี 2566 นายจักรินทร์มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตรวมจำนวนทั้งสิ้น 297,100 บาท และปี 2567 มีรายได้ 297,000 บาท
จากแนวคิดการทำงานที่ได้นำสิ่งที่เรียนรู้ทั้งจากประสบการณ์จริงและจากการศึกษาดูงานทั้งในประเทศและต่างประเทศมาปรับใช้ภายในสวนกล้วยหอมทองของตนเอง ประกอบกับมีการบริหารจัดการที่ดีจนทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ นายจักรินทร์จึงถือเป็นแบบอย่างเกษตรกรยุคใหม่ที่เหมาะสมกับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขา การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) ประจำปี 2568