เตชสิทธิ์ ชูแก้ว นั่งหัวโต๊ะ
ประธานคณะอนุกรรมาธิการการบริหารจัดการหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทย วุฒิสภา “เตชสิทธิ์ ชูแก้ว” ชี้ชัดหนี้เกษตรกรเกิดจากติดกับดักโครงสร้างการบริหารราชการของภาครัฐที่อ่อนแอ นโยบายสลับไปสลับมา แนะแนวทางแก้ปัญหาด้วยการต้องพักชำระหนี้เป็นโครงการระยะยาวและต่อเนื่อง
วันที่ 30 มิ.ย.68 นายเตชสิทธิ์ ชูแก้ว ประธานคณะอนุกรรมาธิการการบริหารจัดการหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทย วุฒิสภา กล่าวว่า ปัญหาหนี้เกษตรกรแก้ไม่หายขาด เพราะติดกับดัก “โครงสร้างการบริหารราชการ” ที่อ่อนแอ แถมภาวะเศรษฐกิจโลกซ้ำเติม ทำให้รายได้เกษตรกรตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้รัฐบาลจะทุ่มเงินเยียวยาเท่าไหร่ ก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หนี้สินยังพุ่งไม่หยุด
นายเตชสิทธิ์ ยังระบุว่า ถ้าเกษตรกรยังไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น หนี้สินที่มีอยู่ก็จะยิ่งบานปลาย โดยเฉพาะชาวสวนพืชไร่และพืชสวน อย่างชาวนา ชาวไร่มันสำปะหลัง มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกเพียบ ส่วนแนวทางแก้ปัญหาคือต้อง “เพิ่มมูลค่าการส่งออก” ให้สูงขึ้น และภาครัฐต้องเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่ม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันในตลาดโลก หลังพบนักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในไทยมหาศาล ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบ รายได้ที่ควรจะกลับมาสู่เกษตรกรจึงลดน้อยลง อย่างกรณี “มังคุด” ที่ตอนนี้ราคาดิ่งเหวเหลือแค่กิโลกรัมละ 10 บาท! ทั้งที่ต้นทุนเก็บเกี่ยวก็ปาไป 8-10 บาทแล้ว ชาวสวนทั้งภาคตะวันออกและใต้กำลังรอความหวังจากรัฐบาลเพื่อเยียวยาช่วยเหลืออย่างใจจดใจจ่อ
อีกปัญหาสำคัญที่ นายเตชสิทธิ์ เน้นย้ำคือ “ข้อมูลพยากรณ์อากาศ” ที่หน่วยงานรัฐต้องแจ้งรายละเอียดให้เกษตรกรมากกว่าแค่ภาพรวม เกษตรกรต้องการรู้ปริมาณฝนตกในพื้นที่เพาะปลูกของตัวเองอย่างชัดเจน เพื่อนำไปบริหารจัดการได้เอง โดยไม่ต้องรอพึ่งรัฐบาลตลอดเวลา
ทั้งนี้ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ กำลังเร่งศึกษาโครงสร้างการบริหารจัดการภาครัฐและงานวิจัยภาคเกษตร พบว่างบประมาณที่จัดสรรให้งานวิจัยเพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและนวัตกรรมยังน้อยเกินไป ส่วนเรื่องเร่งด่วนคือ “การพักชำระหนี้” ที่ควรเป็นโครงการระยะยาวและต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่พักระยะสั้นๆ ที่ผ่านมา เพราะตอนนี้รัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาจากปัจจัยภายนอก ทำให้ดูแลเกษตรกรได้ไม่ทั่วถึง
ขณะที่ประเด็นร้อนอย่างนโยบาย “กัญชา” ที่มีแนวโน้มจะกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง นายเตชสิทธิ์ ย้ำว่า การเปลี่ยนนโยบายไปมาส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรและภาคธุรกิจ ทำให้ขาดความเชื่อมั่น ต้นทุนการลงทุนสูงขึ้น และสร้างภาระหนี้สินให้เกษตรกรที่กู้เงินมาลงทุนมหาศาล
“โครงสร้างการจัดนโยบายของภาครัฐไม่ควรสลับไปสลับมา ควรมีความมั่นคงในการพัฒนาประเทศ และมีทิศทางที่ชัดเจนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างเกษตรมูลค่าสูงและแปรรูปสินค้าเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง” นายเตชสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย