อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลั่นนักเรียนต้องได้ดื่มนมคุณภาพครบ 260 วันต่อปีการศึกษา

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลั่นนักเรียนต้องได้ดื่มนมคุณภาพครบ 260 วันต่อปีการศึกษา ยอมรับวันเปิดเทอมวันแรกบางโรงเรียนไม่ได้รับนมให้นักเรียน เผยเกิดจากมีการปรับโครงสร้างระบบบริหารหน่วยงานรับผิดชอบ พร้อมขอร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับวิธีการจัดการนมทั้งระบบ สร้างความยั่งยืนแก่อาชีพเลี้ยงโคนมเกษตรกรไทย

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลปริมาณน้ำนมโคของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่ามีน้ำนมดิบเฉลี่ยช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2568 จำนวน 3,000 ตัน/วัน จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณแม่โครีดนมทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 2.4 แสนตัว และนโยบายภาครัฐที่ได้มีการส่งเสริมการผลิตโดยเพิ่มอัตราการให้น้ำนมต่อตัวต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 12.54 กก./ตัว/วัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำนมดิบในปี 2568 มีปริมาณมากกว่าตัวเลขที่นำมาจัดทำ MOU ปี 2567/2568 ที่ 2,843 ตัน/วัน

ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกันบริหารจัดการน้ำนมดิบ ทั้งการขอความร่วมมือในการรับซื้อน้ำนมดิบจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนม ตลอดจนนโยบายนำน้ำนมดิบไปแปรรูปนมผงและขอความร่วมมือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่มีความประสงค์นำเข้านมผงขาดมันเนยมารับซื้อ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในการซื้อขาย ทำให้ปัญหาเรื่องน้ำนมดิบยังคงมีอยู่ โดยสถานการณ์ปกติจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งที่ผ่านมาศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมนมในประเทศ ก็ได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด

สำหรับประเด็นปัญหาการบริหารนมโรงเรียนผิดพลาดทำให้เด็กดื่มนมล่าช้า อธิบดีวิศิษฐ์ แจ้งว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ซึ่งได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 เห็นชอบในประเด็นการปรับปรุงเพื่อพัฒนาวัตถุประสงค์ โดยเพิ่มการให้ลำดับความสำคัญผู้ประกอบการภาคสหกรณ์ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนมอื่นปรับโครงสร้างระบบบริหารจาก 5 กลุ่มพื้นที่ เป็น 7 กลุ่มพื้นที่

ส่วนแนวทางการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน โดยกรมได้ดำเนินการเป็นไปตามมติ ครม. ดังกล่าว ทำให้หลักเกณฑ์และแนวทางบริหารจัดการโครงการฯ ในปี 2568 เปลี่ยนแปลงไปจากปี 2567 และจากการปรับเปลี่ยนหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ มีผลต่อกระบวนการดำเนินโครงการ ซึ่งโดยปกติกระบวนการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินโครงการจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานรับผิดชอบ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระบวนการดำเนินงานโครงการล่าช้ากว่าทุกปี ส่งผลให้เด็กนักเรียนไม่ได้ดื่มนมวันเปิดภาคเรียน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ประกอบการได้จัดส่งนมให้เด็กนักเรียน จำนวนกว่า 6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 90 สำหรับส่วนที่ยังไม่ครบนั้น มาจากการเพิ่มและลดจำนวนโรงเรียนและเด็กนักเรียนระหว่างปี ซึ่งต้องรอข้อมูล ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2568 จากหน่วยงานต้นสังกัดของหน่วยจัดซื้อ ประกอบกับกระบวนการด้านเอกสารระหว่างหน่วยจัดซื้อกับผู้ประกอบการที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้การรายงานผลของหน่วยจัดซื้อไม่ตรงกับจำนวนเด็กนักเรียนที่ได้รับนม

ทั้งนี้ กระบวนการล่าช้าดังกล่าว กรมได้ออกแนวปฏิบัติให้ผู้ประกอบการจัดส่งนมชดเชยตามจำนวนวันที่เด็กนักเรียนไม่ได้รับนม นับตั้งแต่วันเปิดภาคเรียน เพื่อให้เด็กได้ดื่มนมครบ 260 วันต่อปีการศึกษา พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการตรวจสอบคุณภาพนมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หน่วยงานสาธารณสุขจังหวัด ดำเนินการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมโรงเรียน และตรวจวิเคราะห์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ เด็กนักเรียนได้ดื่มนมโรงเรียนที่มีคุณภาพ เกษตรกรขายน้ำนมได้ เกิดความยั่งยืนในอาชีพการเลี้ยงโคนม

ขณะที่ประเด็นการออกประกาศฯ ฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ในช่วงเวลาเปิดรับสมัคร และขณะนั้นยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิให้แก่ผู้ประกอบการ เป็นการออกประกาศเพื่ออธิบายแนวทางการปฏิบัติในเอกสารแนบท้ายประกาศฯ ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ให้ชัดเจนและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568

อย่างไรก็ตาม จากกรณีปัญหาปริมาณน้ำนมดิบที่นำมาจัดทำ MOU เพื่อวัตถุประสงค์นมโรงเรียนและปริมาณน้ำนมดิบที่ยื่นสมัครเข้าร่วมโครงการไม่มีความสอดคล้องกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาการบริหารจัดการน้ำนมดิบทั้งระบบ กรมส่งเสริมสหกรณ์จะร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาก่อนที่จะมีการจัดทำ MOU ในปี 2568/2569 ต่อไป