
ชีวะภาพ ชีวะธรรม นั่งหัวโต๊ะถกปัญหาลำห้วยคลิตี้
ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา แฉรัฐใช้งบประมาณจำนวนหลายร้อยล้านบาทฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ แต่สภาพปัจจุบันพบว่ายังเหมือนเดิม ระบุเพียงแค่การย้ายมลพิษเท่านั้น ขณะที่ กมธ.ทรัพยากรฯ วุฒิสภา เตรียมลงพื้นที่ติดตามปัญหาคุณภาพน้ำลำห้วยคลิตี้ พร้อมแนะกรมป่าไม้เร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมพิจารณาหาแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว โดยเชิญผู้แทนจากกรมป่าไม้และนายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา เข้าชี้แจงและเสนอแนะการฟื้นฟูผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากทำเหมืองแร่เพื่อเป็นแนวทางแก้ปัญหาสารตะกั่วปนเปื้อนลำน้ำกก-ลำน้ำสาย จ.เชียงราย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ แม้จะใช้งบประมาณจำนวนหลายร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันพบว่ายังเหมือนเดิม ยังไม่มีการกำจัดสารตะกั่ว เนื่องจากกรมควบคุมมลพิษใช้วิธีดูดตะกอนดินที่ปนเปื้อน จากบริเวณฝายและเขื่อนดักตะกอนริมฝั่ง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 8 จุด ไปฝังกลบเหนือลำห้วยคลิตี้ ที่เรียกว่าบ่อหินผุ ซึ่งเป็นเพียงแค่การย้ายมลพิษเท่านั้น อีกทั้งยังห่วงว่า น้ำในลำห้วยคลิตี้ได้ไหลลงสู่แม่น้ำแม่กลอง ที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนผันลงสู่คลองมหาสวัสดิ์ เพื่อผลิตน้ำประปาให้ชาวกทม.และปริมณฑลอาจจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

“พื้นที่ที่พบการทำเหมืองแร่ อยู่ในพื้นที่ของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หากเกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ หน่วยงานรัฐจะต้องเป็นโจทย์ยื่นฟ้องผู้ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์ป่าและแหล่งน้ำ หรือหากพบว่ามีความเสียหายก็จะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำเอาไว้ก่อน ผมคิดว่าหากหน่วยงานช่วยกันตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้ ก็จะทำให้ลำห้วยคลิตี้ดีเหมือนเดิม ” นายสุรพงษ์ กล่าว
ด้านนายชีวะภาพ กล่าวว่า การปนเปื้อนสารตะกั่วในลำห้วยคลิตี้ ถือเป็นกรณีที่ต้องศึกษา เนื่องจากขณะนี้มีการพูดถึงฝายดักตะกอนและเขื่อนดักตะกอน ที่จะใช้แก้ปัญหาสารปนเปื้อนในลำน้ำกก จ.เชียงราย ซึ่งหากดูค่าการตรวจวัดคุณภาพน้ำในลำห้วยคิตตี้ ตามรายงานของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าได้ทำการตรวจวัดคุณภาพน้ำเฉพาะหมู่บ้านคลิตี้บนกับคลิตี้ล่างเท่านั้น ยังไม่พบรายงานการตรวจวัดในเขื่อนศรีนครินทร์และแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งน่าจะต้องทำให้ครบถ้วน

ที่สำคัญการตรวจวัด ยังไม่ชัดเจนว่าสารตะกั่วมีปริมาณลดลง เพราะยังมีค่ากราฟบางจุดที่ยังไม่ลดลง ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่อีก 4-5 จุดที่พบตะกอนดินปนเปื้อนตะกั่ว รวมกว่า 100,000 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างวางแผนนำมาฝังกลบในบ่อหินผุ ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าทางคณะกรรมาธิการจะลงพื้นที่จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามและหาแนวทางแก้ปัญหา
“คณะกรรมาธิการ กำลังถกเถียงกันว่าการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวัดคุณภาพน้ำจะเชื่อใครและใช้วิธีการไหน ส่วนลำห้วยคลิตี้บน-คลิตี้ล่าง จะเก็บตัวอย่างน้ำอย่างไรและจะให้ใครฟันธงว่า มันเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น เนื่องจากวันนี้ที่ลำน้ำกก มีบางหน่วยงานบอกว่าไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่บางหน่วยงานก็ชี้ชัดว่าเกินค่ามาตรฐาน ขณะที่สถาบันการศึกษาก็บอกว่าเกินบ้างไม่เกินบ้าง เพราะต่างคนต่างตรวจ ” นายชีวะภาพ กล่าว.

ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตว่า การผู้ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ถือเป็นความผิดพลาดของการบังคับใช้กฎหมาย และทำให้รัฐสูญงบจำนวนหลายพันล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทที่เคยเข้ามาทำเหมืองแร่ ยังมีอิทธิพลในการปกครองพื้นที่ ยังไม่มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวออกไปจากพื้นที่ของกรมป่าไม้
ขณะเดียวกันควรจะได้ข้อยุติและส่งคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้ ไม่ควรปล่อยให้เป็นคำถามว่า ที่ผ่านมากรมป่าไม้ยังดำเนินการไม่ครบถ้วนหรือไม่ จึงฝากกรมป่าไม้ให้เร่งรัดดำเนินการคืนพื้นที่และรื้อถอนออกไปสิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านพักและโรงแต่งแร่ออกไปเพื่อนำพื้นที่มาปลูกป่าฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมต่อไป.