กมธ.สิ่งแวดล้อม วุฒิสภา อาสาเป็นตัวกลางประสานงานสร้างความเข้าใจกรณีชาวบ้านคัดค้านใบอนุญาตตั้งโรงงานเก็บสารเคมีที่กบินทร์บุรี เพื่อหาข้อยุติและนำไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาหลังพบว่าได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฏหมาย พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดหลักปฏิบัติตามข้อกฎหมาย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
นายกิติศักดิ์ หมื่นศรี สมาชิกวุฒิสภา จ.ปราจีนบุรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมด้วย นายโสภณ ผาสุข โฆษกคณะกรรมาธิการ และนายมังกร ศรีเจริญกูล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างโรงงานถลุงแร่และหลอมโลหะจากเศษทองแดงและแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัทจินไท่ เทคโนโลยี จำกัด จำนวน 39 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 5 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี วันที่ เมื่อ 19 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ภายหลังมีชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนมายังคณะกรรมาธิการว่า โรงงานดังกล่าวมีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดคลองสามแพ่งและติดกับชุมชน ซึ่งอาจเกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมทั้งทางอากาศ น้ำใต้ดิน
จากการตรวจสอบพบว่าโรงงานดังกล่าว ได้รับใบอนุญาตจากทางเทศบาล เพื่อก่อสร้างอาคารโครงเหล็กชั้นเดียว 2 หลังเพื่อใช้เป็นโกดังสินค้า และยังมีใบอนุญาตก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำ ค.ส.ล. อีก 1 แห่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ถูกชาวบ้านในพื้นที่คัดค้านอย่างหนัก
กิติศักดิ์ หมื่นศรี
นางมัสทิณา สิงสมดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการขออนุญาตสร้างโรงงานดังกล่าว แต่เมื่อทราบเรื่องจึงรีบทำหนังสือคัดค้านเพื่อยับยั้งการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างโรงงานแห่งนี้ เพราะจากการติดตามข่าวสารพบว่า โรงงานประเภทนี้เคยสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษและผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชน ที่สำคัญชาวบ้านรู้สึกว่าการประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้างโรงงานไม่ชัดเจน เนื่องจากมีการประกาศเฉพาะในเฟซบุ๊กของเทศบาลเท่านั้น ขาดเวทีรับฟังความเห็นของคนในพื้นที่
ด้านตัวแทนของโรงงาน ได้เข้าชี้แจงว่า ทางบริษัทมีความจริงใจ และได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ใหญ่บ้าน เพราะได้รับข้อมูลที่ไม่เป็นจริงและเข้าใจผิดคิดว่าโรงงานแห่งนี้เป็นของ “อาเหว่ย” หรือ บจก.ทีแอนด์ทีวอร์ชแมนเนกเมนท์ เจ้าของโรงงานในอำเภอศรีมหาโพธิ ที่เคยก่อมลพิษจนทางอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีปิดกิจการไปแล้ว แต่โรงงานดังกล่าว ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับทางบริษัทจินไท่ พร้อมยืนยันว่าโรงงานที่กำลังจะก่อสร้างแห่งนี้ มีระบบการจัดเก็บและเบิกจ่ายสารเคมีอย่างรัดกุมเข้มงวด และมีมาตรการป้องกันการรั่วไหลของสารเคมี รวมทั้ง ไม่มีนโยบายปล่อยน้ำจากกระบวนการผลิตเข้าสู่คลองสามแพ่งแต่อย่างใด เพราะตระหนักถึงความปลอดภัยของชุมชนที่ต้องใช้น้ำจากคลองดังกล่าว พร้อมแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจว่าทางบริษัทจะประกอบธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา ให้ชาวบ้านในพื้นที่สามารถมาตรวจสอบได้
ขณะที่นายกิติศักดิ์ หมื่นศรี รองประธานคณะกรรมาธิการฯคนที่หนึ่ง กล่าวว่า การลงพื้นที่รับฟังปัญหาในครั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดหลักปฏิบัติตามข้อกฎหมาย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งหลังจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภาเพื่อพิจารณาหาทางออกและให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
นอกจากนี้จะเรียกตัวแทนบริษัทซินเซิ่ง เอ็นไวรอนเมนทอล โพรเทคชั่น จำกัด เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้รับใบอนุญาตให้ตั้งโรงงานประกอบกิจการนำยางรถที่ใช้แล้วมาผลิตเป็นน้ำมันเตาและผงคาร์บอน แต่ถูกชาวบ้านในพื้นที่เดียวกันทำหนังสือคัดค้านไม่ให้ก่อสร้างในต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
ทั้งนี้อยากให้ชาวบ้านที่เป็นผู้ร้องเรียนได้ชี้แจงถึงข้อสงสัยและความวิตกกังวลในการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว เพื่อหาข้อยุติและนำไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าการดำเนินดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ถูกต้อง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับคนในชุมชนหรือไม่ ซึ่งครั้งนี้ได้มาเป็นตัวกลางในการรับฟังปัญหาแต่ติดอยู่อีก 1 โรงงานที่ถูกร้องเรียนแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยอาจจะเชิญให้มาชี้แจงต่อกมธ.สิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เพื่อหาแนวทางที่จะนำมาสู่ความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย