กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยื่นมือช่วยผู้เลี้ยงโคนมสหกรณ์ฯแม่ทาแล้ว ชี้ฟ้องผู้ประกอบทำผิดสัญญาได้

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยื่นมือพร้อมช่วยเหลือสมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด หลังประสบปัญหาที่ผู้ประกอบการคู่สัญญางดซื้อน้ำนมดิบวันละ 7 ตัน ลั่นบริษัทเอกชนบางรายทำผิด MOU ซื้อขายน้ำนมดิบสามารถฟ้องเอาผิดทางกฎหมายได้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของสหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด จังหวัดลำพูน เทน้ำนมดิบทิ้ง  เพื่อประท้วงหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกรมส่งเสริมสหกรณ์ ภายหลังสหกรณ์ประสบปัญหาถูกบริษัทเอกชนที่ร่วมจัดทำบันทึกข้อตกลงรับซื้อน้ำนมโคกับสหกรณ์หยุดรับซื้อน้ำนมดิบวันละ 7 ตัน จากสหกรณ์ โดยอ้างว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์รับซื้อน้ำนม ทำให้สหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด จำเป็นต้องประกาศหยุดรับซื้อน้ำนมจากสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมของสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2568 เป็นต้นไป สร้างความเดือดร้อนแก่สมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เนื่องจากไม่สามารถขายน้ำนมโคที่ตนเลี้ยงได้นั้น

ล่าสุดนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรณีสหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด ที่ประสบปัญหาผลิตน้ำนมได้มาก แต่ไม่สามารถขายน้ำนมดิบได้ เนื่องจากการที่สหกรณ์ถูกบริษัทปฏิเสธการรับซื้อน้ำนมดิบซึ่งไม่เป็นไปตาม MOU ทำให้สหกรณ์ที่ปกติมีการส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและมีการบริหารจัดการอาหารหยาบคุณภาพ สามารถรวบรวมน้ำนมดิบจากสมาชิกเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำนมดิบค้างถังสะสมจำนวนมาก ซึ่งจากปัญหาเหล่านี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดลำพูนเข้าไปแก้ปัญหาทันที โดยเน้นย้ำว่า ต้องวางแนวทางบริหารจัดการนมอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายน้ำนมได้มากที่สุด

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเบื้องต้นได้ประสานขอความร่วมมือจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ในการรับซื้อน้ำนมดิบจากสหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด เพื่อนำไปผลิตเป็นนมกล่อง UHT แล้วให้สหกรณ์นำกลับมาจำหน่าย อีกทั้งวางแผนการนำน้ำนมดิบเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นนมผง เพื่อระบายปริมาณน้ำนมดิบ และช่วยยืดอายุการเก็บรักษาให้สหกรณ์ที่มีโรงงานแปรรูปนมผง โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จัดสรรเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ พร้อมกับขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนมมารับซื้อตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไปว

ในส่วนกรณีที่บริษัทเอกชนทำบันทึกข้อตกลงรับซื้อน้ำนมโคกับสหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด อ้างว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์รับซื้อน้ำนมโค ทำให้บริษัทไม่สามารถรับซื้อน้ำนมจากสหกรณ์ตามที่ระบุใน MOU ได้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารนมทั้งระบบ ขอชี้แจงว่า ประเด็นที่บริษัทเอกชนมีความกังวล คาดว่าเป็นหลักเกณฑ์ในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปีการศึกษา 2568 ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ

ดังนั้น การปฏิเสธรับซื้อน้ำนมดิบของบริษัทเอกชน ถือว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามประกาศหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการจัดทำบันทึกข้อตกลง MOU ที่กำหนดให้ผู้ซื้อและผู้ขายที่ประสงค์จะขอยกเลิก MOU จะต้องทำหนังสือยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร และหาผู้ซื้อรายใหม่เพื่อมารับผิดชอบน้ำนมดิบของเกษตรกรให้ครบ 365 วัน พร้อมต้องแจ้งเหตุผลประกอบซึ่งในกรณีที่เกิดการไม่ปฏิบัติตาม MOU ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบสามารถดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้