ซินเจนทา กรุ๊ป ผู้นำด้านโซลูชั่นการเกษตรยุคใหม่ ที่มีเทคโนโลยีเกษตรกรรมระดับแนวหน้าของโลก เปิดสำนักงานภูมิภาคเอเชียแห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อดูแลธุรกิจในประเทศต่างๆ ภายใต้ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทยในฐานะเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก และพร้อมยกระดับภาคอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยด้วยการใช้เทคโนโลยี และโซลูชั่นทางการเกษตรอย่างยั่งยืน
นายพอล คลาร์ก ลักซ์ตัน ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มธุรกิจเอเชีย บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพื้นที่ทางการเกษตรอยู่ที่ 149.75 ล้านไร่ หรือประมาณร้อยละ 46.7 ของพื้นที่ทั้งประเทศ มีแรงงานที่อยู่ในภาคเกษตรสูงถึงร้อยละ 51 ของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ บริษัทฯรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เลือกประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเปิดสำนักงานเรียบร้อยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาในกรุงเทพฯ
พอล คลาร์ก ลักซ์ตัน
ทั้งนี้เพื่อดูแลธุรกิจในประเทศต่างๆ ภายใต้ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หรือ AMEA (Asia, Middle East and Africa) เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพและความอุดมสมบูรณ์ในหลายด้าน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและอาหารให้กับโลก
ในฐานะผู้นำด้านโซลูชั่นทางการเกษตร จึงพร้อมช่วยส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยให้มีความยั่งยืน สามารถเพิ่มผลผลิต ทำกำไรได้สูงขึ้น สนับสนุนให้เกษตรกรได้ทําการเกษตรแบบปลอดภัย ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดี ใช้สารอารักขาพืชอย่างถูกต้อง จึงหวังว่าธุรกิจของเราจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ช่วยพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรไทย ให้สามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีโภชนาการที่ดี และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
“ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้มีมาตรการส่งเสริมภาคการเกษตรมาโดยตลอด เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลไทยจะให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญต่อภาคการเกษตรอย่างจริงจัง มีมาตรการยกระดับภาคการเกษตรของไทยให้เป็นผู้นำ สามารถแข่งขันเรื่องของผลผลิตทางการเกษตรได้ รวมถึงผลักดันให้มีการใช้นวัตกรรมทางการเกษตร ใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการเพิ่มผลผลิต ซึ่งซินเจนทาในฐานะที่เป็นผู้นำด้านโซลูชั่นการเกษตรยุคใหม่ เราสามารถที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และช่วยส่งเสริมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทยให้มั่นคงและยั่งยืนได้” นายพอล กล่าว
เปโดร สวาห์เลน
ด้านนายเปโดร สวาห์เลน เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยและสวิตเซอร์แลนด์มีความสัมพันธ์อันยาวนานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่บริษัท ซินเจนทาได้เลือกมาเปิดสำนักงานภูมิภาคเอเชียที่ประเทศไทย ด้วยภาคเกษตรกรรมขนาดใหญ่ของไทยที่มีศักยภาพในการผลิตทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก จึงถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับบริษัท ซินเจนทา ในการพัฒนาเกษตรกรรมที่ยั่งยืนและการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของมนุษยชาติ
สำหรับซินเจนทา กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่มาเป็นศูนย์กลางในประเทศไทยมีหลายธุรกิจด้วยกันทั้ง สารอารักขาพืช เมล็ดพันธุ์ผัก และโดยเฉพาะเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย รวมถึงในประเทศไทยด้วย