เริ่มแล้ว งานมหกรรมยางล้อระดับนานาชาติ “TyreXpo Asia 2024” ครั้งแรกในประเทศไทยแรกในไทย ภายใต้แนวคิด “Your One-Stop Show for Tyres, Automotive Repair & Maintenance and Tyre Accessories” ระหว่างวันที่ 15 – 17 พ.ค.นี้ ที่ไบเทค บางนา พร้อมเปิดตัวล้อยาง กยท.เบรนด์ “Greenergy Tyre” ภายใต้ธีม ขับเคลื่อนทุกชีวิตสู่ความยั่งยืน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน “TyreXpo Asia 2024” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย ภายใต้แนวคิด “Your One-Stop Show for Tyres, Automotive Repair & Maintenance and Tyre Accessories” ระหว่างวันที่ 15 – 17 พ.ค. 2567 โดยมี นายพรรธระพี ชินะโชติ ประธานร่วม อินฟอร์มา การ์เก็ตส์ ประเทศไทย นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) บางนา ซึ่งภายในงานจะได้พบกับแบรนด์สินค้าชั้นนำด้านยางล้อและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกว่า 250 แบรนด์ จากกว่า 90 บริษัท ร่วมจัดแสดง รวมถึงการประชุมระดับนานาชาติเกี่ยวกับองค์ความรู้และนวัตกรรมอุตสาหกรรมยางล้อ
นอกจากนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ยังได้เปิดตัวล้อยางของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ภายใต้แบรนด์ Greenergy Tyre อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการตอกย้ำความพร้อมของวัตถุดิบยางธรรมชาติไทยที่มีมากกว่า 4 ล้านตัน ซึ่งวัตถุดิบยางที่นำไปแปรรูปเป็นยางล้อ Greenergy Tyre นั้น จะผ่านกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับว่าไม่บุกรุกพื้นที่ป่า โดยกระบวนการผลิตเริ่มจากรับซื้อวัตถุดิบน้ำยางของเกษตรกรกร หรือสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งอยู่ในระบบทะเบียนของ กยท. มีข้อมูลระบุพิกัดที่ตั้งสวนยางชัดเจน และซื้อขายผ่านตลาดกลางยางพารา กยท. ก่อนส่งเข้าโรงงานแปรรูปเป็นยาง STR และโรงงานผลิตยางล้อ Greenergy Tyre
ทำให้ทุกขั้นตอนของการซื้อขายหรือส่งต่อสินค้าจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งกำเนิดได้ทุกเส้น ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์สามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของวัตถุดิบว่ามีมาตรฐานในระดับที่สากลยอมรับ ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีผู้ประกอบการสนใจซื้อยางล้อและวัตถุดิบยางเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยางล้อ คิดเป็นรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดยางล้อเติบโตขึ้น มีการขยายตัวของภาคการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้ยางล้อ ส่งผลให้มีจำนวนผู้ผลิตยางล้อมากขึ้นในไทย ช่วยส่งเสริมรายได้เพิ่มให้กับกับอุตสาหกรรมยางล้อในไทย รัฐบาลไทยจึงได้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยางล้อ โดยการให้ส่วนลดทางภาษีและเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนที่มากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพในการผลิตยางล้อ
การจัดงาน “TyreXpo Asia 2024” นี้ จะเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยเมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์สำหรับต้นไม้ที่เป็นพืชเศรษฐกิจ เช่น ต้นยางพารา เพื่อรับรองการมีอยู่ของต้นยางพาราในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นการขยายโอกาสแก่เกษตรกรให้เข้าถึงพื้นที่ทำกิน สามารถแปลงทรัพย์สินให้เป็นทุนเพื่อใช้ประกอบอาชีพการทำสวนยาง ผลักดันให้ไทยเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบยางระดับโลก เพื่อสร้างความสมดุลของห่วงโซ่อุปทานทางอุตสาหกรรมยางไทยให้เติบโตต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดย กยท. พร้อมจะสนับสนุนอุตสาหกรรมยางของไทยให้เดินหน้าอย่างมีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตยางในไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในตลาดโลก มีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ โดยคำนึงถึงมิติความยั่งยืน สอดรับกับกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EUDR อีกทั้งการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทย ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำ และตอบสนองความต้องการยางที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมในอนาคตอีกด้วย
ด้าน นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท. ในฐานะองค์กรกลางที่มุ่งบริหารจัดการยางพาราของไทยทั้งระบบให้เกิดความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงมุ่งมั่นสนับสนุนพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยางพารา เพื่อยกระดับคุณภาพของผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปยางที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นำไปสู่การเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตสู่ความยั่งยืน
ดังนั้น การจัดงาน TyreXpo Asia 2024 จะกลายเป็นเวทีความร่วมมือและเป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางไทย ด้วยนวัตกรรม และความก้าวหน้าในเทคโนโลยียางรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสำหรับการจัดงานมหกรรมล้อยางระดับนานาชาติในครั้งนี้ จะเป็นการปูทางที่สำคัญสู่การยกระดับอุตสาหกรรมยางไทย ให้สามารถผลิตสินค้าที่ขานรับกับความต้องการของตลาดที่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานยางของไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เติบโตขึ้น และสร้างความได้เปรียบทางการค้าในฐานะผู้นำแนวหน้าในอุตสาหกรรมยางโลกต่อไป