วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
เกษตรกรที่เป็นสมาชิกแห่ร่วสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 73 แห่ง แห่ร่วมโครงการปุ๋ยราคาถูกที่จะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2566 นี้ เผยล่าสุดยอดจองเกือบ 3 หมื่นตันแล้ว ชี้ประหยัดได้จริงกว่า 11 ล้านบาท
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ตามที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับกรมการค้าภายใน สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย ดำเนินโครงการเชื่อมโยงปุ๋ยเคมีราคาถูกให้แก่เกษตรกรผ่านสถาบันเกษตรกร ตั้งแต่บัดนี้ถึงเดือนธ.ค. 2566 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่ สามารถซื้อปุ๋ยเคมีได้ในราคาถูก โดยมีบริษัทผู้ผลิต ผู้นำเข้าปุ๋ยเข้าร่วมโครงการ 26 แห่ง จำนวนปุ๋ย 64 สูตร รวม 144 รายการมีส่วนลดกระสอบละ 10–50 บาท
ทั้งนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ตระหนักถึงปัญหาต้นทุนการผลิตของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะราคาปุ๋ยเคมีที่มีการปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมาจึงได้มอบหมายให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่โดยสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่สนใจสามารถสั่งซื้อปุ๋ยได้ ผ่านสำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกแห่ง ทุกวันพุธของแต่ละสัปดาห์จนกว่าสิ้นสุดโครงการ
ปรากฏกว่าโครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากสมาชิกจำนวนมาก โดยมียอดสั่งซื้อปุ๋ยณ วันพุธที่ 18 ต.ค. 2566 มีสหกรณ์และกลุ่ม เกษตรกรสนใจสั่งซื้อทั้งสิ้น 73 แห่ง รวมจำนวน 28,678 ตัน คาดว่าส่วนลดที่จะได้รับจากโครงการมีมูลค่าถึง 11.47 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตหรือลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมีสำหรับใช้ปุ๋ยในพื้นที่เกษตรกรรมของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลผลิตพืชหลังนา
สำหรับปุ๋ยเคมีที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่เป็นสูตร 46-0-0 , 15-15-15 ,16-20-0 ซึ่งเกษตรกรที่ต้องการใช้ปุ๋ยเคมี ต้องรีบแจ้งสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่นั้น เพื่อที่บริษัทผู้ประกอบการจะจัดโควตาเตรียมไว้ อย่างไรก็ตามราคาที่สถาบันเกษตรกรได้รับนั้นเป็นราคาหน้าโรงงาน ซึ่งการสั่งซื้อผ่านกลไกสหกรณ์จะได้รับความสะดวกในการขนส่งแต่กรณีที่เป็นสหกรณ์รายเล็กไม่มีระบบขนส่งเป็นของตนเองนั้น ในโครงการนี้มีสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทยคอยอำนวยความสะดวก ซึ่งสามารถรับบริการผ่านแอปพลิเคชัน ของทางสมาคมได้ ซึ่งมีการกำหนดราคาอัตราค่าขนส่งปุ๋ยตามระยะ พร้อมกับส่วนลด
ส่วนสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตรทั้งหมด ดังนั้นเกษตรกรจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันเกษตรกรสามารถเลือกซื้อปุ๋ยยี่ห้ออื่นๆได้ในสูตรที่ต้องการ ซึ่งจะประหยัดเงินได้มากกว่า และหากโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จ มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะพิจารณาขยายโครงการออกไปอีก จากที่โครงการนี้จะสิ้นสุดในเดือน ธ.ค. นี้