วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์
“เบทาโกร” ยกระดับซัพพลายเชนกลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม เปิดตัว ‘โรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา’ โรงงานอัจฉริยะเต็มรูปแบบแห่งแรก ที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีกระบวนการผลิตอาหารสัตว์และบริหารทรัพยากรด้วยการเชื่อมต่อ IoT และระบบอัตโนมัติ พร้อมคำนึงถึง ESG เพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์กว่า 600,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 18% ทำให้เบทาโกรมีกำลังการผลิตรวมแล้วกว่า 4 ล้านตันต่อปี ติดสปีดเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ตอบรับความต้องการอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า “นโยบายของบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นยกระดับระบบซัพพลายเชนของเบทาโกร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ภายใต้แนวคิด ‘PROACTIVE SUSTAINABILITY’ เบทาโกรสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง โดยเดินหน้าลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาขับเคลื่อนรากฐานการผลิตก้าวสู่โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการจัดการทรัพยากร ล่าสุดได้เปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก นำร่องแห่งแรกที่เป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) เต็มรูปแบบ และจะเป็นโมเดลต้นแบบการขยายไปสู่โรงงานของเบทาโกรอื่น ๆ ต่อไป
โรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก นับว่าเป็นโรงงานขนาดใหญ่อันดับ 3 ของบริษัทฯ ผลิตอาหารสัตว์หลากหลายชนิด อาทิ สุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ โดยนำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และระบบอัตโนมัติมาใช้ภายในโรงงานซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตอาหารที่มีความแม่นยำ (Smart Production) ยิ่งขึ้น ปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก มีอัตราการเดินเครื่องอยู่ที่ 48% ของการผลิตรวม และจะผลิตเต็มกำลัง 100% ภายในสิันปีนี้ ส่งผลให้เบทาโกรมีกำลังการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นอีกกว่า 600,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 18% รวมเป็นกว่า 4 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับตลาดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและ สปป.ลาว อีกทั้งภายในโรงงานยังได้นำระบบบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์มาเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วตรงเวลา พร้อมช่วยวางแผนการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ภายในโรงงานยังได้นำเทคโนโลยีอันทันสมัยมายกระดับจัดการหลากหลายมิติ ได้แก่ ระบบการบริหารจัดการโรงงาน (Smart Dashboard) ระบบการเก็บตัวอย่างและตรวจสอบคุณภาพ (Smart Sampling) ระบบการจัดเก็บวัตถุดิบที่ควบคุมแบบอัตโนมัติ (Smart Silo) รวมถึงระบบการจัดเก็บและลำเลียงวัตถุดิบอัตโนมัติ (Smart Bulk) และการใช้หุ่นยนต์ในการบรรจุและลำเลียง (Auto packing & Robot) โดยการลงทุนโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย ตลอดจนช่วยลดการสูญเสีย ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการกระบวนผลิตและระบบขนส่ง ทั้งยังสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอีกด้วย
เบทาโกร ยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ด้วยการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยโรงงานอัจฉริยะแห่งนี้ร่วมสร้างรากฐานสังคมเข้มแข็ง ด้วยการสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรร่วมเติบโตไปด้วยกัน รวมถึงสร้างงานให้คนในชุมชน ยกระดับทักษะทางด้านเทคโนโลยีให้กับคนในพื้นที่ ทั้งยังส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ระบบผลิตไอน้ำแบบประหยัดพลังงาน (Smart Boiler) จากเชื้อเพลิงชีวมวล (Bio–Mass Fuel) การใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ 20% โดยติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ขณะนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.8 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ราว 1,900 ตันต่อปี
“แนวโน้มอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ในปี 2566 มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย คาดว่าจะเพิ่มเป็น 19.99 ล้านตัน หรือ 4.8% จากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 19.08 ล้านตัน เนื่องจากมีความต้องการในการผลิตสุกร ไก่เนื้อ และไก่ไข่เพิ่มขึ้น สำหรับการก้าวสู่โรงงานอัจฉริยะด้วย IoT ผสานกับระบบอัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบในโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา จะเป็นห่วงโซ่คุณค่าต้นน้ำในด้านฐานการผลิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเบทาโกรสู่การเป็น World–Class Branded Food Company ที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวสิษฐ กล่าว