บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จัดงานสัมมนาพัฒนาศักยภาพคู่ค้ าธุรกิจ CPF CAPACITY BUILDING FOR PARTNERSHIP 2022 เพื่อแบ่งปันความรู้และแลกเปลี่ ยนประสบการณ์การดำเนินงานที่ทั นสมัยและปรับตัวรับมือกั บผลกระทบจากการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่คู่ค้าธุ รกิจกว่า 200 องค์กร ยกระดับห่วงโซ่อุปทานอาหารที่รั บผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขั นคู่ค้าธุรกิจสู่การเติบโตอย่ างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยมีนายสิริพงศ์ อรุณรัตนา ประธานผู้บริหาร ฝ่ายปฎิบัติการธุรกิจสัตว์บก ซีพีเอฟ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่ อนและกำกับดูแลการจัดหาอย่างยั่ งยืนเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายพีรพงศ์ กรินชัย รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านวิศวกรรมกลาง และนางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ ซีพีเอฟ ร่วมสื่ อสารนโยบายและแนวทางการจัดซื้ อที่รับผิดชอบต่อโลก ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า บริษัทฯ จัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้และแบ่ งปันประสบการณ์การดำเนินงานที่ เป็นเลิศและรับผิดชอบต่อสั งคมและสิ่งแวดล้อมแก่คู่ค้าธุ รกิจอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขั นของคู่ค้าและสร้างความเชื่อมั่ นว่าต้นทางของผลิตภัณฑ์ของซีพี เอฟปราศจากการใช้แรงงานผิ ดกฎหมาย และไม่บุกรุกป่า สอดคล้องกับนโยบายด้านการจั ดหาอย่างยั่งยืนและแนวปฏิบัติ สำหรับคู่ค้าธุรกิจของซีพีเอฟ โดยในปีนี้ บริษัทฯ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Sustainable Partnership in Action toward Green & Smart Mutual Growth มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยคำนึ งถึงหลัก ESG สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และการกำกับดูแลตามหลักธรรมาภิ บาล (Governance) พัฒนาการดำเนินงานที่เป็นเลิศ และเตรียมความพร้อมรับมื อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบจากการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นกระแสที่สำคัญของโลก
“ในปีนี้ ซีพีเอฟมุ่งเน้นส่งเสริมคู่ค้ าธุรกิจยกระดับการดำเนินงานทั นต่อกระแสโลกในรูปแบบ Smart & Green ยกระดับความทันสมัยสู่ยุคดิจิทั ล และผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่ งแวดล้อม สามารถรับมือกับการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตอบรับความต้องการผู้บริโภคทั่ วโลกที่ให้ความสำคัญกับสินค้าที่ มาจากกระบวนการผลิตที่รับผิ ดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้คู่ค้าธุรกิจของซีพีเอฟเติ บโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นายสิริพงศ์กล่าว
นอกจากนี้ ซีพีเอฟได้รับเกียรติจากนักวิ ชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่ งแวดล้อมระดับสากล จาก 3 องค์กรชั้นนำ ได้แก่ คณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ บริษัท เซาท์โพล กรุ๊ป (ประเทศไทย) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริ มการลงทุน มาร่วมถ่ายทอดและแบ่งปันข้อมู ลและแนวปฏิบัติของภาคธุรกิจเพื่ อรับมือกับภาวะโลกร้อน ซึ่งคู่ค้าสามารถนำไปประยุกต์ ใช้ในการดำเนินงาน ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิ ภาพในการใช้ทรัพยากรให้เกิ ดประโยชน์สูงสุด มีแนวปฏิบัติที่ดีต่อแรงงานได้ มาตรฐานสากล สร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลู กค้าและผู้บริโภคทั่วโลก
ด้านนางสาวทัณฑิกา แก้วนพรัตน์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสพีเค โฟรเซ็น โปรดักส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจตัดแต่งและคัดผั กและผลไม้ส่งให้ซีพีเอฟและบริษั ทในเครือซีพี ตระหนักดีว่าสถานการณ์สิ่งแวดล้ อมเปลี่ยนแปลงไป ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้นส่ งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตพืชผัก ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงให้ความสำคัญกั บแนวทางการลดผลกระทบต่อสิ่ งแวดล้อมตลอดกระบวนการผลิต อาทิ การนำเศษผักและผลไม้หลังการตั ดแต่งบริจาคให้ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ของเกษตรกร และเปลี่ยนภาชนะบรรจุสินค้าเป็ นตะกร้าพลาสติกเพื่อลดการใช้ถุ งพลาสติก เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่ องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน บริษัทใหญ่ช่วยสนับสนุนคู่ค้าที่ เป็นผู้ผลิตรายเล็กมีขี ดความสามารถเพิ่มขึ้น เพื่อให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น
ขณะที่นางสาวปิยะวัณณ์ ปัญญานุกูล ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท น้ำมันพืชปทุม ผู้ผลิตน้ำมันพืชเกสร เล่าว่า บริษัทได้ผนวกความยั่งยืนอยู่ ในห่วงโซ่การผลิตโดยขอความร่ วมมือจากทุกคนที่เกี่ยวข้องตั้ งแต่เกษตรกรที่เป็นต้นทางการผลิ ต โดยบริษัทให้ความรู้และความเข้ าใจแก่เกษตรกรได้ตระหนักและร่ วมกันพัฒนากระบวนการผลิตเพื่ อให้เกิดความยั่งยืนได้ มาตรฐานสากล แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้ างยาก แต่สุดท้ายทุกคนรวมถึ งเกษตรกรได้รับประโยชน์ทั้งมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ซีพีเอฟมีความมุ่งมั่นส่งเสริ