ธ.ก.ส. ลุยแก้หนี้พี่น้องภาคเหนือในงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร จังหวัดเชียงใหม่

  •  
  •  
  •  
  •  

ธ.ก.ส. ลงพื้นที่ดูแลปัญหาหนี้สินพี่น้องชาวเหนือในงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ ให้คำปรึกษาทางการเงินแบบครบวงจรผ่านมาตรการในการช่วยเหลือและลดภาระด้านหนี้สิน อาทิ การให้คำปรึกษาทางการเงิน การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โครงการชำระดีมีคืน มาตรการจ่ายดอกตัดต้น มาตรการจ่ายน้อย ผ่อนคลายได้ลดดอกเบี้ย และมาตรการทางด่วนลดหนี้ พร้อมเติมทุนในการเสริมสร้างอาชีพในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 พิเศษ ! สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus หรือเพิ่มเพื่อน Line Official @BAACFAMILY หรือยืนยันตัวตนผ่านบริการ e-KYC รับของที่ระลึกสุดพิเศษ และแคมเปญพิเศษ WoW WoW WoW รับส่วนลดทันที 3 ต่อ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 16 – 18 ธันวาคมนี้

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (GFA) ผนึกกำลังจัดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตต่าง ๆ ให้สามารถกลับมามีกำลังในการประกอบอาชีพ มีรายได้และศักยภาพในการชำระหนี้ โดยกำหนดแนวทางช่วยเหลือลูกค้าในทุกมิติผ่านการให้ความรู้ทางการเงิน การวางแผนและการสร้างวินัยทางการเงิน การช่วยเหลือผ่านมาตรการต่าง ๆ ของแต่ละสถาบันการเงิน รวมถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินโดยตรง อันนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีการจัดมหกรรมสัญจรไปยัง 5 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชลบุรีและจังหวัดสงขลา โดยในการจัดงานมหกรรมสัญจรครั้งที่ 2 ณ จังหวัดขอนแก่น มีผู้เข้ารับบริการแก้ไขปัญหาหนี้ภายในงานกว่า 6,000 รายการ

ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์

สำหรับงาน มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืนสัญจร ครั้งที่ 3 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 18 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ธ.ก.ส. ได้วางมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ เริ่มตั้งแต่การตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงขาขึ้นขณะนี้ออกไปให้นานที่สุด เพื่อมิให้เป็นภาระต้นทุนกับลูกค้าในช่วงการฟื้นตัว การจัดทำโครงการชำระดีมีคืน จำนวน 3,000 ล้านบาทให้กับลูกค้าที่ชำระหนี้ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2566 การดูแลภาระหนี้สินเดิม เพื่อลดความกังวลใจในเรื่องหนี้ เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการเลื่อนงวดในการชำระหนี้ผ่านมาตรการจ่ายดอกตัดต้น มาตรการทางด่วนลดหนี้ การไกล่เกลี่ยหนี้ การจัดทำคลินิกหมอหนี้เพื่อลดหนี้ครัวเรือน

การให้คำปรึกษาด้านการจัดการหนี้ ทั้งหนี้ในและนอกระบบ การพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพ เช่น การให้ความรู้ด้าน Financial Literacy/Digital Literacy การร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐเอกชน สถาบันการศึกษา ในการศึกษาดูงาน การฝึกปฏิบัติเพิ่มทักษะ ทั้งอาชีพเดิม อาชีพเสริม อาชีพใหม่ การปรับเปลี่ยนการผลิตไปปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง การลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม

การเติมสินเชื่อใหม่ ภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุน เช่น สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 เป็นต้น     การสนับสนุนช่องทางด้านการตลาดในทุกระดับ ทั้งตลาดในระดับท้องถิ่น ตลาด Modern trade ตลาด E-Commerce ควบคู่การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง ผ่านเงินฝาก A-Savings เงินฝากประจำ เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต สลากดิจิทัล ธ.ก.ส. กองทุนทวีสุข กองทุนเงินออมแห่งชาติ และการประกันภัยทางการเกษตร เป็นต้น

พิเศษ ! เฉพาะในงาน สำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการชำระดีมีคืน ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการทางด่วนลดหนี้และลงทะเบียนแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus หรือเพิ่มเพื่อน Line Official Account @BAACFAMILY หรือยืนยันตัวตนผ่าน e-KYC รับของที่ระลึกสุดพิเศษจาก ธ.ก.ส. และพบกับแคมเปญพิเศษ “WoW WoW WoW” รับบริการให้คำปรึกษาสินเชื่อพร้อมรับส่วนลดพิเศษค่าธรรมเนียมและของที่ระลึกถึง 4 ต่อ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมการออกบัตร ATM ส่วนลดค่าธรรมเนียมการประเมินที่ดินและส่วนลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ เป็นต้น

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนลูกหนี้ที่ประสงค์รับความช่วยเหลือและประชาชนทั่วไปที่สนใจร่วมงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 16 – 18 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ หรือลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอแก้ไขหนี้ออนไลน์ผ่าน https://www.bot.or.th/DebtFair/ ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มกราคม 2566