ธ.ก.ส.จัดทัพสาขา เข้าดูแลลูกค้าในพื้นที่แบบครบวงจร ทั้งการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การแบ่งเบาภาระหนี้ ผ่านโครงการชำระดีมีคืน การปรับโครงสร้างหนี้ การไกล่เกลี่ยหนี้ การพัฒนาศักยภาพการประกอบอาชีพเดิม อาชีพเสริม อาชีพใหม่ การประสานเครือข่ายในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมเติมสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าธนาคารต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สงครามความขัดแย้งภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติรุนแรงมากขึ้น การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา-19ที่ต่อเนื่องทำให้รายได้เกษตรกรลดลง บางรายหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบจนเป็นภาระหนักเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ดังนั้น ธ.ก.ส. จึงได้กำหนดแนวทางการเข้าไปดูแลลูกค้า โดยให้ ธ.ก.ส.ทุกสาขาบูรณาการการออกแบบ-การจัดการเชิงพื้นที่ “แก้หนี้ แก้จน”D&MBA : Design& Manage by Areaภายใต้แผนงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อจัดการและแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนโดยคนในชุมชนและเน้นการเชื่อมโยงกับหัวขบวนตามแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดกระบวนการผลิต การจ้างงานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำจนถึงปลายน้ำ
โดยเจาะลึกไปที่ProblemBased :ปัญหา/ความต้องการ โดยศึกษาสาเหตุที่แท้จริง เรียงลำดับความสำคัญของปัญหา กำหนดแนวทางแก้ไขโดยให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง Possibility : ความเป็นไปได้/สมเหตุสมผลPotential : ศักยภาพของชุมชนหมายถึงชุมชนที่เป็นเป้าหมายจะต้องมีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนแผนงานตามแนวทางที่ได้กำหนดร่วมกันของคนในชุมชนเช่นความพร้อมของผู้นำหรือแกนนำชุมชนหัวขบวนขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนเป็นต้นParticipation : เน้นการมีส่วนร่วมคนในชุมชนรวมทั้งมีภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐเอกชนเครือข่ายทางสังคมให้การสนับสนุนการพัฒนาและPurpose: เป็นเรื่องสำคัญ ที่คนในชุมชนได้รับประโยชน์นี่คือหลักหรือแนวทางที่ผู้จัดการสาขา ธ.ก.ส.ทุกสาขาต้องไปออกแบบ เพื่อเข้าไปดูแลและร่วมแก้ไขปัญหาไปพร้อมๆกับชุมชน
นายธนารัตน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเครื่องมือที่ ธ.ก.ส.เข้าไปสนับสนุน ประกอบด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงขาขึ้นขณะนี้ออกไปให้นานที่สุด เพื่อมิให้เป็นภาระต้นทุนกับลูกค้าในช่วงการฟื้นตัวการจูงใจให้ลูกค้ารักษาประวัติการชำระหนี้ที่ดีไว้ โดยดูแลในเรื่องผลตอบแทนทั้งอัตราดอกเบี้ยที่คิดตามชั้นลูกค้าและการคืนเงินดอกเบี้ยเพื่อแบ่งเบาภาระผ่านโครงการชำระดีมีคืน จำนวน 2,000 ล้านบาท ให้กับลูกค้าที่ชำระหนี้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2566 โดยการดูแลภาระหนี้สินเดิม เพื่อลดความกังวลใจในเรื่องหนี้ เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้ลูกค้าสามารถชำระหนี้ได้ตามศักยภาพการไกล่เกลี่ยหนี้
การจัดทำคลินิกหมอหนี้ เพื่อลดหนี้ครัวเรือน การให้คำปรึกษาด้านการจัดการหนี้ ทั้งหนี้ในและนอกระบบ การพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพ เช่นการให้ความรู้ด้าน FinancialLiteracy/Digital Literacy การร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐเอกชน สถาบันการศึกษา ในการศึกษาดูงาน การฝึกปฏิบัติเพิ่มทักษะ ทั้งอาชีพเดิม อาชีพเสริม อาชีพใหม่ การปรับเปลี่ยนการผลิตไปปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง การลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต การยกระดับมาตรฐานสินค้า เป็นต้น
ทั้งนี้การเติมสินเชื่อใหม่ ภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุน เช่น สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 สินเชื่อแฟรนไชส์ สินเชื่อ Green Credit สินเชื่อ Contract Farming อัตราดอกเบี้ย MRR สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.01 เป็นต้น การสนับสนุนช่องทางด้านการตลาดในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นตลาดในระดับท้องถิ่น ตลาดModern trade ตลาด E- Commerce ควบคู่การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต กองทุนทวีสุข กองทุนเงินออมแห่งชาติ เป็นต้น
ส่วนในการดำเนินงานดังกล่าว ธ.ก.ส.ยึดหลักการพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ ที่เน้นหนักในด้าน BCG Model เพื่อก้าวสู่การพัฒนาระดับสากลตามแนวทาง SDGโดยขับเคลื่อนผ่านชุมชนต้นแบบที่ธนาคารได้พัฒนาไว้แล้วจำนวน 7,927 แห่ง เพื่อมุ่งสู่ชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนทั้งด้านมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมประเพณีอาทิ การปรับเปลี่ยนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การส่งเสริมการปลูกพืชที่สร้างมูลค่าสูง การทำเกษตรกรรมยั่งยืน ชุมชนไม้มีค่า ส่งเสริมการลดการเผา การปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ชุมชนท่องเที่ยว