“ตอนนี้รายได้มาจากการขายน้ำเชื้อเป็นหลัก ส่วนหมูโตก็จะขายให้กับทางสหกรณ์ฯและสมาชิกที่มีเขียงประจำ ส่วนยางพารามีอยู่ 9 ไร่และปาล์มน้ำมันอีก 1 ไร่และกำลังทำแปลงปลูกเพิ่ม แต่รายได้หลักตอนนี้กลายเป็นว่ามาจากการเลี้ยงหมู”
“แก้จน พ้นหนี้ วิถีคนเซกา” สโลแกนเด่นของสหกรณ์การเกษตรเซกา จำกัด อ.เซกา จ.บึงกาฬ ภายใต้โครงการส่งเสริมอาชีพแก้หนี้แก้จนของคนสหกรณ์ ถือเป็นสหกรณ์ต้นแบบในการดูแลส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิก จนสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรในพื้นที่ได้ จากความสำเร็จเหล่านี้ทำให้ได้รับคัดเลือกจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้เป็นผลงานดีเด่นเพื่อเสนอเข้ารับรางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ปี 2565 ประเภทร่วมใจแก้จนอีกด้วย
จากธุรกิจปล่อยเงินกู้สู่ “แก้จน พ้นหนี้ วิถีคนเซกา”
นางสาวนิ่มนวล ศรีรักษา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเซกา จำกัด เปิดเผยว่า เดิมสหกรณ์เกษตรเซกา ได้ดำเนินธุรกิจปล่อยเงินกู้ให้กับสมาชิกเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้เกิดภาวะหนี้ค้างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสมาชิกไม่มีเงินส่งคืนสหกรณ์ แต่หลังจากมีโครงการส่งเสริมอาชีพแก้หนี้แก้จนของคนสหกรณ์ภายใต้แนวคิด “แก้จน พ้นหนี้ วิถีคนเซกา” ขึ้นมา ทำให้สหกรณ์ฯมีภาวะหนี้ค้างลดลง จากเดิมที่มีหนี้ค้างจำนวน 58 ล้านบาท ขณะนี้คงเหลือยอดหนี้ค้างเพียง 20 ล้านบาท ทั้งนี้การเกิดหนี้ค้างดังกล่าวเป็นผลมาจากการเกิดวิกฤติราคายางพาราตกต่ำเมื่อปี 2559 ทำให้สมาชิกไม่สามารถชำระเงินคืนได้ จึงเป็นที่มาของโครงการนี้
ทั้งนี้ชาวเซกาส่วนใหญ่มีอาชีพหลักคือทำสวนยางพารา แต่พอมีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ สหกรณ์จึงทำโครงการส่งเสริมอาชีพ “แก้จน พ้นหนี้ วิถีคนเซกา”โดยการสนับสนุนของกรมส่งเสริมสหกรณ์และสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ เป็นการกระตุ้นให้สมาชิกสหกรณ์ฯเซกาหันมาประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้มากขึ้นไม่ต้องพึงพารายได้จากยางพาราเพียงอย่างเดียว จึงได้เปิดรับสมาชิกเข้าร่วมโครงการฯในปี 2560 จากนั้นได้จัดทำสมาชิกเป็นหมวดหมู่ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่และความสมัครใจของแต่ละราย อาทิ กลุ่มนาเฮาผลิตข้าวอินทรีย์ กลุ่มคนเลี้ยงสุกร กลุ่มเกษตรผสมสาน เป็นต้น
เน้นส่งเสริมตามความถนัดของแต่ละพื้นที่
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์ก็จะเข้าไปส่งเสริมอาชีพสมาชิกให้แต่ละรายในแต่ละกลุ่มที่สหกรณ์นได้ส่งเสริม ตามวัตถุประสงค์พื้นเพของสมาชิกว่าทำอาชีพอะไร อย่างกลุ่มคนเลี้ยงสุกร ก็ไม่สามารถส่งเสริมให้ได้ทุกราย เพราะด้วยสภาพพื้นที่และกลิ่นต้องไม่รบกวนชาวบ้านด้วย โดยกลุ่มคนเลี้ยงสุกรจะต้องมีความสนใจ และมีวินัยมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง
“เราส่งเสริมจะดำเนินการแบบครบวงจร ตั้งแต่เริ่มแรกการสร้างคอกโดยให้สมาชิกกู้รายละไม่เกิน 3 หมื่นบาทปลอดดอกเบี้ย จากนั้นก็สนับสนุนลูกสุกรขุนให้สมาชิกรายละ 10 ตัว จากพ่อแม่พันธุ์สุกรสายพันธุ์สวนยาง พร้อมกับหัวอาหาร โดยสหกรณ์ร่วมกับบริษัทผลิตอาหารสูตรเฉพาะสำหรับสุกรสายพันธุ์ดังกล่าวให้กับทางสหกรณ์โดยตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ส่วนเรื่องตลาดก็จะมีคณะกรรมการฯดูแล พ่อค้ารายไหนให้ราคาแพงที่สุดเราก็จะให้รายนั้นจับในเดือนนั้นเลย” นางสาวนิ่มนวล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ใช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากปกติสุกรของสมาชิกจะส่งไปนครพนม สปป.ลาวและเวียดนาม พอเกิดวิกฤติโควิด-19 ไม่สามารถเคลื่อนย้ายสุกร ตัวเป็น ๆ ได้ จึงอยากจะตั้งกลุ่มเพื่อแปรรูปเนื้อสุกรขึ้นมา เช่นการสไลด์เนื้อ การทำกุนเชียง เป็นต้น
หนุ่มช่างกลเอาดีด้านเลี้ยงสุกร 3 สายพันธุ์
ด้านนายสมัคร พิมพิลา เกษตรกรวัย 46 ปี สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเซกา จำกัด บอกว่า เรียนจบช่างยนต์แต่หันมาเอาดีด้านอาชีพการเลี้ยงสุกร 3 สายพันธุ์ ปัจจุบันเป็นประธานกลุ่มคนเลี้ยงสุกร ของสหกรณ์การเกษตรเซกา จำกัด มีสมาชิกอยู่จำนวน 52 ราย โดยเริ่มเลี้ยงสุกรอย่างเต็มตัวมาตั้งแต่ปี 2558 หลังจากลาออกจากงานที่วิทยาลัยการอาชีพเซกา จากเริ่มแรกทำเป็นอาชีพเสริม เพราะต้องการมูลสุกรมาผลิตปุ๋ยชีวภาพใส่สวนยางพาราเพื่อลดต้นทุนการผลิตจากวิกฤติราคาปุ๋ยเคมีแพง
หลังเลี้ยงมาระยะหนึ่งเห็นว่าสร้างรายได้ดี ทำให้เขามีความคิดต่อยอดปรับปรุงพัฒนามาเป็นอาชีพหลัก จึงทำให้มีการศึกษาวิธีการเลี้ยงสุกรอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นซื้อพ่อแม่พันธุ์ดูร๊อค ลาธุ์จไวร์และแลนด์เรซ จากฟาร์มสุกรในจ.บุรีรัมย์และราชบุรีจำนวน 10 ตัวเพื่อนำมาพัฒนาเป็นสุกร 3 สายพันธุ์เลือดนิ่ง
รายได้หลักผลิตน้ำเชื้อขายหลอดละ 200-300 บาท
ถึงวันนี้มี สุกรขุน 3 สายพันธุ์ที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มพร้อมจำหน่ายจำนวน 160 ตัว นอกจากนี้ยังผลิตน้ำเชื้อสุกรจำหน่ายให้กับสมาชิกกับเกษตรกรที่สนใจทุกวันเฉลี่ยวันละ 5-10 หลอด สนนในราคาหลอดละ 200-300 บาท ส่วนสุกรโตเต็มวัยสนนในราคากิโลละ 98-100 บาทเฉลี่ยตัวละ 100-110 บาทต่อกิโลกรัม ระยะการเลี้ยงใช้เวลา 100-120 วันหรือประมาณ 4 เดือนก็สามารถจับจำหน่ายได้
เขา บอกว่า ตอนนี้รายได้มาจากการขายน้ำเชื้อเป็นหลัก ส่วนหมูโตก็จะขายให้กับทางสหกรณ์ฯและสมาชิกที่มีเขียงประจำ ส่วนยางพารามีอยู่ 9 ไร่และปาล์มน้ำมันอีก 1 ไร่และกำลังทำแปลงปลูกเพิ่ม แต่รายได้หลักตอนนี้กลายเป็นว่ามาจากการเลี้ยงหมู
เดินหน้าต่อ “แก้ปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์”
ขณะที่ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวภายหลังเยี่ยมชมนิทรรศการและผลผลิตจากสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มอาชีพในโครงการ “แก้จน พ้นหนี้ วิถีคนเซกา” ว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์มีนโยบายในการบรรเทาและแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร โดยได้ดำเนินการโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย
โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ ค้างชำระของสมาชิกสหกรณ์ โครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อแก้ปัญหาหนี้และฟื้นฟูอาชีพสมาชิกสหกรณ์ รวมถึงการจัดอบรมถ่ายทอดความรู้แก่ฝ่ายจัดการของสหกรณ์ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการธุรกิจสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระของสมาชิก
ย้ำสมาชิกฯ อยู่แบบพอเพียง
“ผมได้เน้นย้ำให้สมาชิกสหกรณ์อยู่แบบพอเพียง ให้ครอบครัวมีอาหารบริโภคได้เพียงพอ และสามารถต่อยอดนำไปจำหน่ายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ เน้นการทำการเกษตรผสมผสาน ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้แบบหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี” นายวิศิษฐ์ กล่าว
สำหรับสหกรณ์การเกษตรเซกา จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2520 ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 2,087 ราย มีทุนดำเนินงานกว่า 43 ล้านบาท ธุรกิจหลักของสหกรณ์ ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย และธุรกิจรับฝากเงิน สมาชิกสหกรณ์ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตร โดยมีพืชหลักที่สำคัญได้แก่ ยางพารา ข้าว ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง