“มนัญญา” นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ ครั้งที่ 1/2565 เพื่อเร่งเครื่องแก้ปัญหาทุจริตสหกรณ์ให้เร็วที่สุด พร้อมตั้ง 3 คณะทำงานสืบสวน ตรวจสอบ และปรับปรุงระเบียบ เพื่อเร่งรัดติดตามเอาทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหาย และดำเนินคดีจากผู้กระทำผิดให้เร็วที่สุด
วันที่14 มิถุนายน 2565 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ ครั้งที่ 1/2565 โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมอบแนวทางในการปฏิบัติงานด้วย ณ ห้องประชุม 109 อาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
นางสาวมนัญญา เปิดเผยว่า ปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์โดยรวมเป็นวงกว้าง ส่งผลให้สหกรณ์ขาดสภาพคล่องทางการเงินและสมาชิกสหกรณ์ไม่สามารถเบิกถอนเงินฝากหรือกู้ยืมหรือดำเนินธุรกิจกับสหกรณ์ได้ตามปกติ ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรก ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบร่างคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่งตั้ง 3 คณะทํางาน เพื่อปฏิบัติงานให้เป็นไปตามคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 101/2565 สั่ง ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ได้แก่
1. แต่งตั้งคณะทํางานสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีการทุจริตในสหกรณ์ มีอำนาจหน้าที่ สืบสวนสอบสวนการทุจริตในสหกรณ์ เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และสรุปผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
2. แต่งตั้งคณะทํางานรวบรวมและตรวจสอบกรณีทุจริตของสหกรณ์ มีอำนาจและหน้าที่ ศึกษา วิเคราะห์ มูลเหตุของการเกิดทุจริตในสหกรณ์ ปัญหาอุปสรรคที่ทําให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเกิดความล่าช้า ตลอดจนสถานการณ์ดําเนินการแก้ไขปัญหาของผู้เกี่ยวข้องต่างๆ และรายงานต่อคณะกรรมการฯ รวมทั้งพิจารณาเสนอแนวทางการตรวจสอบ พร้อมทั้งมาตรการป้องกันการทุจริตในสหกรณ์ และแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
และ 3. แต่งตั้งคณะทํางานปรับปรุงระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการตรวจสอบงบการเงิน กรรมการและผู้บริหารสหกรณ์ มีอำนาจและหน้าที่ศึกษาวิเคราะข้อมูลข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวกับการเงินการบัญชีสหกรณ์ ปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับและระเบียบเสนอนายทะเบียนสหกรณ์ โดยคณะทำงานดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ ชั้น 2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำหรับการแก้ไขข้อบกพร่องของสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รายงานสรุปข้อบกพร่องการทุจริต แยกตามประเภทสหกรณ์ 7 ประเภท ข้อมูล ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565 มีจํานวน 252 แห่ง 365 รายการ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 23,005,542,343 บาท และได้รับการชดใช้ไปแล้ว ปัจจุบันมีมูลค่าคงเหลือ 18,637,390,907 บาท แบ่งเป็นประเภทสหกรณ์ ดังนี้
1. สหกรณ์การเกษตร 140 แห่ง 218 รายการ มูลค่าความเสียหาย 1,964 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับการชดใช้คงเหลือมูลค่าความเสียหาย 1,822 ล้านบาท 2. สหกรณ์ประมง 2 แห่ง 2 รายการ มูลค่าความเสียหาย 3.9 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับการชดใช้ คงเหลือมูลค่าความเสียหาย 3.7 ล้านบาท 3. สหกรณ์นิคม 6 แห่ง 8 รายการ มูลค่าความเสียหาย 123 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับการชดใช้ คงเหลือมูลค่าความเสียหาย 99 ล้านบาท
4. สหกรณ์บริการ 23 แห่ง 28 รายการ มูลค่าความเสียหาย 79 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับการชดใช้ คงเหลือมูลค่าความเสียหาย 73 ล้านบาท 5. สหกรณ์ร้านค้า 4 แห่ง 4 รายการ มูลค่าความเสียหาย 8.7 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับการชดใช้ คงเหลือมูลค่าความเสียหาย 3.3 ล้านบาท 6. สหกรณ์ออมทรัพย์ 40 แห่ง 54 รายการ มูลค่าความเสียหาย 3,510 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับการชดใช้ คงเหลือมูลค่าความเสียหาย 3,300 ล้านบาท และ 7. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน 37 แห่ง 42 รายการ มูลค่าความเสียหาย 17,314 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับการชดใช้ คงเหลือมูลค่าความเสียหาย 13,333 ล้านบาท
“คณะกรรมการฯ จะมีการอัพเดตและรายงานความคืบหน้าเดือนละ 2 ครั้ง ขอยืนยันว่าทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มความสามารถ และจะเร่งชดใช้ความเสียหายให้กับสมาชิก สำหรับความคืบหน้าสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด พบความเสียหายมูลค่า 600 กว่าล้านบาท ขณะนี้ ยึดทรัพย์มาได้เกือบ 300 ล้านบาทแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ จะติดตามยึดทรัพย์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเตรียมตั้งชุดประนอมหนี้ต่อไป” นางสาวเกษตรฯ กล่าวและว่านอกจากนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางการปฏิบัติงานว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จึงระดมกลไกของรัฐหลายฝ่ายมาร่วมบูรณาการทำงานกัน ใช้อำนาจตามกฎหมาย
ทั้งนี้เพื่อเร่งรัดติดตามติดตามเอาทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหาย และดำเนินคดีจากผู้กระทำผิดให้เร็วที่สุด และเชื่อว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้มีขั้นตอน กระบวนการตรวจสอบได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามหากจำเป็นต้องมีคณะทำงานใดๆ หรือหน่วยงานใดเพิ่มเติม ก็พร้อมให้การสนับสนุน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) หรือสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ