ตั้งคณะทำงานฮาลาลไทยแลนด์ หวังเจาะตลาดมูลค่า 48 ล้านล้านบาทในโลกมุสลิม

  •  
  •  
  •  
  •  

“อลงกรณ์” ผนึกมืออาชีพทุกภาคส่วน จัดตั้งคณะทำงานฮาลาลไทยแลนด์ (Thailand Halal Taskforce) ทันที โฟกัสตลาดกลุ่มมุสลิม 2 พันล้านคน เตรียมคิกออฟโครงการระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลภาคใต้ภายในปีนี้ เริ่มจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ หลังซาอุฯ ไฟเขียวนำเข้าไก่ไทย หวังขยายผลเจาะตลาดฮาลาลมูลค่า 48 ล้านล้านบาท หลังประสบความสำเร็จในการเจรจาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับยูเออี และดูไบ

       นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน ฮาลาล เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 มี.ค 65  ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” ครั้งที่ 2/2565 ว่า ที่ประชุมมีมติให้จัดตั้งคณะทำงานฮาลาลไทยแลนด์ (Thailand Halal Taskforce) มีหน้าที่เร่งรัดการขยายความร่วมมือด้านการลงทุนและการค้าสินค้าเกษตรและอาหารมาตรฐานฮาลาล ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขับเคลื่อนขยายผลตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาขยายความร่วมมือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และดูไบ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการเปิดศักราชหน้าใหม่ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกัน

อลงกรณ์ พลบุตร

       ทั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยซึ่งมีศักยภาพการผลิตและส่งออกอาหารอันดับ 13 ของโลก จะต้องเร่งเจาะตลาดประชากรมุสลิม 2 พันล้านคนรวมทั้งการร่วมลงทุนด้านอุตสาหกรรมกษตรและอาหารฮาลาล ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ โดยคณะทำงานชุดนี้จะเดินหน้าขยายความร่วมมือในทุกมิติทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเร่งดำเนินการโครงการการลงทุนเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรฮาลาลใน 5 จังหวัดภาคใต้ คือ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สตูล และสงขลา ที่ได้วางงานไว้ก่อนหน้านี้ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลภาคใต้ โดยจะเริ่มจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์และเกษตรพลังงาน โดยเฉพาะกรณีที่กระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการจนซาอุดิอาระเบียยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่แปรรูปจากไทย และรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีสามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียกลับสู่ภาวะปกติได้สำเร็จ

      ขณะนี้ประเทศไทยมีความร่วมมืออย่างดียิ่งเรื่องมาตรฐานฮาลาลกับกลุ่มประเทศอาหรับ (OAC) กลุ่มประเทศรอบอ่าวเปอร์เซีย(GCC) กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มประเทศเอเชียกลาง และกลุ่มประเทศแอฟริกา โดยคณะทำงานชุดนี้ประกอบไปด้วย ภาคเอกชน คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย สถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย ศูนย์ AIC สถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันอาหาร สมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สสปน.

      โดยภาครัฐมีกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์เป็นแกนนำ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยทำงานภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ทำได้ไวทำได้จริงของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแผนปฏิบัติการฮาลาล (Thailand Halal Blueprint) ซึ่งได้วางโครงการแผนงานและคำของบประมาณสนับสนุนไปก่อนหน้านี้แล้ว และเนื่องจากเป็นวาระเร่งด่วนจึงจำเป็นที่จะต้องขอการสนับสนุนจากงบกลางหรืองบเหลือจ่ายของงบประมาณ ประจำปี 2565 เพื่อขับเคลื่อนงานได้รวดเร็วขึ้น

       นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า จากการวิจัยตลาดฮาลาลมีรายงานว่าในปี 2020 ตลาดอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลทั่วโลก มีมูลค่า 1,533,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (48 ล้านล้านบาท) และประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,285,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 71 ล้านล้านบาท) ในปี 2026 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% คิดเป็นมูลค่าเพิ่มปีละ 560 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (16.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่จะสามารถเพิ่มการส่งออกสร้างงานสร้างอาชีพใหม่ ๆ สำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยในยุคโควิด 19

       นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบภารกิจในการเดินทางไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กับดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ใน 5 ประเด็นสำคัญ คือ 1) AIPH คัดเลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ปี พ.ศ. 2569 2) การเจรจาขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนสินค้าเกษตรและอาหาร และระบบรับรองมาตรฐานฮาลาล ทั้งนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ผลิตอาหารได้เพียง 20% ต้องนำเข้า80% และสนใจที่จะร่วมลงทุนกับประเทศไทยในด้านการเกษตร

      3) การตรวจเยี่ยมงานแสดงนิทรรศการระดับโลกของประเทศไทยแสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่าง ๆ รวมถึงสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในงาน World Expo 2020 Dubai 4) เยี่ยมชม Museum of the Future พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต ที่สื่อให้ประชาชนทั่วโลกได้ทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 50 ปีข้างหน้า และ5) ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์กับบริษัท DP World ของรัฐดูไบ และการส่งเสริมการค้ามาตรฐานฮาลาลกับศูนย์ส่งเสริมการค้าและการตลาดฮาลาลของ UAE และดูไบ

     ในส่วนของปัญหาเนื้อวัวปลอมปนเนื้อสุกร ที่ประชุมยังรับทราบรายงานสถานการณ์และแก้ไขปัญหานี้ซึ่งได้กำหนด 5 มาตรการเร่งด่วน ได้แก่ มาตรการสื่อสารเตือนภัยผู้บริโภค มาตรการป้องปรามผู้ค้า มาตรการปราบปรามผู้กระทำผิด มาตรการส่งเสริมมาตรฐานฮาลาล และมาตรการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) จากโรงฆ่าสัตว์ถึงผู้บริโภค นอกจากนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะให้บริการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งจากการตรวจสอบในปีงบประมาณครั้งล่าสุด มีการเก็บตัวอย่างไปแล้ว 70 ตัวอย่าง ซึ่งยังไม่พบเนื้อสุกรปลอมปนเนื้อวัว อย่างไรก็ตามกรมปศุสัตว์ยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

      พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้สำนักการเกษตรต่างประเทศ สรุปผลการเจรจาหารือขยายความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุนสินค้าเกษตรและอาหารในคราวเดินทางไปเยือน UAE และดูไบ พร้อมทั้งมอบฝ่ายเลขานุการฯ ให้รวบรวมสรุปข้อมูลระบบรับรองมาตรฐานฮาลาลที่มีในแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลจากประเทศใดบ้าง และนำเสนอต่อที่ประชุมในครั้งต่อไป