สัปดานี้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ ไซโลโรงงานอาหารสัตว์ ราคาเพิ่มขึ้นจากหาบละ 687 บาท เป็นหาบละ 711 บาท เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เหลือน้อย ประกอบกับฝนตกในหลายจังหวัด ส่งผลให้ผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง

      ด้านตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 2 มีนาคม 2565 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รอบส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2565 ราคาอยู่ที่ 725.0 เซนต์/บุชเชล ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความขัดแย้งระหว่างประเทศแถบทะเลดำ ส่งผลทำให้ประเทศยูเครนไม่สามารถส่งอออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ และคาดการณ์ว่า ผู้นำเข้าหลักจะซื้อข้าวโพดจากประเทศสหรัฐฯ บราซิลและอาร์เจนตินาเพิ่มขึ้น ก่อนที่ประเทศอาร์เจนตินาจะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิต

     ขณะที่คาดการณ์สภาพอากาศมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อข้าวโพดที่เจริญเติบโตในกลุ่มระยะท้าย และการเพาะปลูกรุ่นสองของบราซิลที่จะได้รับปริมาณน้ำฝนที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต

    กากถั่วเหลืองจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าในสัปดาห์นี้ ราคาทรงตัวที่กิโลกรัมละ 22.50 บาท ราคากากถั่วเหลืองยังคงยืนแข็งและมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอีก จากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาวัตถุดิบเกือบทุกชนิดเพิ่มขึ้น รวมทั้งสภาวะอากาศทางฝั่งประเทศอาร์เจนติน่าและบราซิลที่ยังคงไม่ดีขึ้น ทำให้คาดการณ์ผลผลิตยังคงลดลง

     ส่วนปริมาณซื้อในตลาดเริ่มชะลอตัวลงเพื่อรอดูสถานการณ์ แต่คงชะลอการซื้อได้อีกไม่นาน ส่วนค่าระวางเรือยังคงสูงต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น

     ด้านตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 2 มีนาคม 2565 เมล็ดถั่วเหลือง รอบส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2565 ราคาอยู่ที่ 1,663.0 เซนต์/บุชเชล และ กากถั่วเหลือง รอบส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2565 ราคาอยู่ที่ 448.0 เหรียญสหรัฐฯ/ช็อตตัน

    สำหรับด้านอุปสงค์ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ รายงาน USDA Fats and Oils คาดการณ์การแปรรูปถั่วเหลืองเป็นถั่วเหลืองบด (Soybean Crushing) ประจำเดือนมกราคม 2565 ที่ 194.2 ล้านบุชเชล ต่ำกว่าเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งอยู่ที่ 198.2 ล้านบุชเชล

      ขณะที่ประเทศแถบอเมริกาใต้มีปริมาณน้ำฝนเบาบางในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อการเร่งเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองบราซิล โดย AgRural รายงานความคืบหน้าในการเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองอยู่ที่ 44% ส่วนประเทศอาร์เจนตินาคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนมีอย่างต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้า ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในดินและส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของถั่วเหลือง

     ประเทศเปรู อยู่ในระหว่างดำเนินการออกสำรวจน่านน้ำทะเล เพื่อกำหนดโควต้าจับปลาสำหรับฤดูกาลถัดไป คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มฤดูกาลได้ในช่วงต้นเดือนเมษายน ขณะที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ปริมาณซื้อหน้าท่าเรือในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงปรับตัวขึ้นแต่ปริมาณสต๊อกหน้าท่าเรือก็ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ราคาปลาป่นทุกเบอร์ในสัปดาห์นี้ทรงตัว

     ปลาป่นเกรดกุ้ง ราคากิโลกรัมละ 47.00 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 1 เกรดที่สูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป ราคากิโลกรัมละ 41.70 บาท และปลาป่นเกรดที่ต่ำกว่า 60 โปรตีน ราคากิโลกรัมละ 39.20 บาท

      ด้านปลาป่นคุณภาพรองลงมา ปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดที่มีโปรตีนสูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป ราคากิโลกรัมละ 38.70 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดที่มีโปรตีนสูงกว่า 56 แต่ไม่เกิน 60 โปรตีน ราคากิโลกรัมละ 37.20 บาท

      การซื้อขายข้าวตลาดต่างประเทศ ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ส่งออกท่าเรือกรุงเทพฯ เอฟ.โอ.บี. ราคาลดลงจากตันละ 436 เหรียญสหรัฐฯ เป็นตันละ 434 เหรียญสหรัฐฯ            ส่วนปลายข้าว เอ.วัน.พิเศษ ส่งออก เอฟ.โอ.บี. ราคาลดลงจากตันละ 399 เหรียญสหรัฐฯ เป็นตันละ 397 เหรียญสหรัฐฯ

ด้านตลาดซื้อขายข้าวในประเทศ ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ราคาทรงตัวที่กระสอบละ 1,270 บาท ส่วนปลายข้าว เอ.วัน.พิเศษ ณ โรงงานอาหารสัตว์ ยืนราคาที่กระสอบละ 1,150 บาท

     สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประกาศราคาสุกรขุนมีชีวิตหน้าฟาร์ม ณ วันพระที่ 2 มีนาคม ที่กิโลกรัมละ 86-88 บาท โดยปัจจัยการผลิตราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

     ทำให้คาดว่าแนวโน้มในพระต่อไปผู้เลี้ยงจะสามารถเพิ่มมาร์จิ้นในระดับที่พออยู่ได้ เพราะต้นทุนการผลิตกับราคาตลาดในปัจจุบัน ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาช่วยฟื้นฟูรายย่อยที่จะกลับมาเลี้ยงใหม่

    ส่วนลูกสุกรน้ำหนัก 16 กิโลกรัมต่อตัว ราคาอยู่ที่ 2,700 บาท (บวก/ลบ 80)

      สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ ประกาศราคาไก่เนื้อมีชีวิตหน้าฟาร์ม ที่กิโลกรัมละ 40 บาท เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ขณะที่นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่าสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน มีผลต่อราคาธัญพืช ส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบอาหารสัตว์ ให้มีแนวโน้มราคาสูงตามไปด้วย ปัจจุบันวัตถุดิบอาหารสัตว์ส่วนใหญ่ราคาสูงขึ้นมากว่า 50-60%

     ด้านลูกไก่เนื้อ ราคาตัวละ 15.50 บาท และลูกไก่ไข่ ราคาตัวละ 26.00 บาท

     สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ฟองละ 3.20 บาท เนื่องด้วยต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับสถานการณ์รัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ผู้เลี้ยงไก่ไข่จึงจำเป็นต้องปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ปรับขึ้น

      ต่อมานายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้หารือร่วมกับสมาชิกและผู้เลี้ยงไก่ไข่ หากปรับขึ้นราคาไข่คละหน้าฟาร์ม อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง

      จึงขอความร่วมมือให้ผู้เลี้ยงแบกรับภาระต้นทุนไว้ และจะตรึงราคาไข่คละหน้าฟาร์มไว้ที่ไม่เกินฟองละ 3.10 บาท