นายกฯสั่งลุย ตรวจสอบนมโรงเรียนที่ระยอง “มนัญญา” ฉุนจัด แฉมีมาเฟียเพียบ ลั่นต้องรื้อทั้งระบบ

  •  
  •  
  •  
  •  

นายกฯสั่งลุย ตรวจสอบนมโรงเรียนเจ้าปัญหาที่จังหวัดระยอง “มนัญญา” ฉุนจัดออกแฉวงการนมโรงเรียนมีมาเฟียเพียบ มาเฟียนม มาเฟียโรงนม ชี้ถ้าตรวจสอบต้องล้างกันทั้งระบบ  ถามทำไมต้องรื้อ มติ ครม. ปี 2562 ให้ อ.ส.ค.แค่เป็นหัวคู่สัญญาซื้อขาย แต่กรมปศุสัตว์  มีหน้าที่แบ่งโควตาให้เอกชน เผยถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อเคลียร์ปัญหา และต่อไปต้องเป็นผู้กำหนดตามที่เด็กต้องการ
.
     หลังจากนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีผู้ประกอบการนมโรงเรียน ไม่ยอมส่งนมให้เด็กใน 17 โรงเรียนเอกชนในจังหวัดระยอง ซึ่งในข้อมูลบ่งบอกถึงความไม่โปร่งใสในโควตาของผู้ประกอบการ นมโรงเรียน ที่ทำให้ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เสียหาย เพราะเป็นผู้อนุญาตในการสัปทานการซื้อขายนั้น

      ล่าสุดวันนี้ (23 ก.ย.64)  นางสาวมนัญญา ออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้รายงานถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทีวงกลาโหมแล้ว และนายกรัฐมนตรีให้ทำการตรวจสอบ วันนี้จึงได้แจ้งให้กับหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เตรียมเอกสารทั้งหมด มาหารือกันในวันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2564 เวลาบ่ายโมง ที่กระทรวงเกษตรฯ

      ทั้งนี้ยืนยันว่า เรื่องนี้ อ.ส.ค.ไม่ได้ทำตามลำพัง เพราะเรื่องนี้เป็นมติ ครม.ตั้งแต่ปี 2562  ซึ่งไม่เข้าใจว่ามติ ครม. ทำไมออกมาแบบนี้ ไม่เข้าใจ ทำไมจะต้องมีสัญญากับ อ.ส.ค.  ทำไมไม่ทำสัญญาโดยตรง ทำไมต้องเอา อ.ส.ค. มาเป็นหัว คงเข้าใจว่า  อ.ส.ค. เป็นนมที่มีคุณภาพ ต้องซื้อจากนมที่มีคุณภาพ  ที่จริงสหกรณ์หนองโพมีสิทธิ์ สหกรณ์ต่างๆ สามารถเสนอนมโรงเรียนได้ ไม่ใช่มากำหนดว่า จะต้องเป็นอันนี้ เป็นเจ้านี้ และผู้ยื่นเข้าไปขอจากกรมปศุสัตว์เคยเข้าไปตรวจไหม  70 บริษัทเคยเข้าไปตรวจหรือไม่ 
.
      สำหรับวันประชุมในเรื่องนี้จะต้องมีกรมปศุสัตว์มาเข้าร่วมประชุมด้วยว่า การเปลี่ยนแปลง มติ ครม. ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลง ทำไม อ.ส.ค. ต้องเป็นคู่สัญญา และทำไม ถึงต้องมาทำเชื่อม ให้มาเป็นบริษัทต่างๆ ด้วย การแบ่งโควตาเป็นกรมปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์คือ การแบ่งโควตา และกรมปศุสัตว์ ไปตรวจสอบดูไหมว่า การแบ่งโควตา ที่จะได้มาซึ่งเสนอมาแบบนี้ เพราะงบประมาณนี้ให้กับเกษตรกร อันดับ 1 คือ เด็กจะต้องมีนม ที่มีคุณภาพ และช่วยเหลือ เกษตรกรที่เลี้ยงโคนม

     ส่วนที่บอกว่านมล้น นู่นนี่ อะไรต่างๆ แต่เวลาแบ่งโควตา เคยเข้าไปลงลึกถึงตรงนั้นหรือไม่  และเคยไปดูไหมว่าคุณภาพของนมที่มาให้กับเด็ก เป็นมีคุณภาพนมขนาดไหน และผลิตอย่างไร มีการเลี้ยงโคอย่างไร ขนาดไหน และในกล่องนั้นมีคุณภาพ มีโปรตีน  มีไขมันเท่าไหร่ ถ้าทำการตรวจสอบจริงๆ คือ จะต้องล้างกันทั้งระบบ แต่นี่ได้ข่าวว่า มาเฟียเยอะ ทั้งมาเฟียนม มาเฟียโรงนม

     ” มติ ครม.ออกมาปี 2562 ว่า อ.ส.ค.  ซึ่งเป็นผู้ผลิตนมรายใหญ่ระดับประเทศไทย ไม่ผสมนมผง แต่วันนี้ อ.ส.ค.  เป็นแค่ผู้ทำตามคำสั่งของคณะอนุกรรมการนมโรงเรียน มันออกมาเป็นว่า มี อ.ส.ค.  ทำสัญญาเดียวในประเทศไทย กรมปศุสัตว์ที่มีตำแหน่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการนมโรงเรียน จะมามอบให้กับ บริษัทไหนเป็นผู้ประกอบการซื้อขาย อ.ส.ค. ก็มีหน้าที่แค่ว่า ขายหัวให้เฉยๆ ประเภทรายหัว เหมือนเอาหัวของ อ.ส.ค. ไป แต่ไปทำสัญญากับใครก็ได้ แล้วแต่ กรมปศุสัตว์จะเป็นผู้ไปใส่ในสัญญานั้น”   นางสาวมนัญญา กล่าว

      รมช.เกษตรฯ กล่าวอีกว่า ถ้าเกิดมีการฟ้องร้องเมื่อไหร่ โรงเรียนไหนฟ้องร้องจะต้องฟ้องร้องคู่สัญญา แล้วก็ไปฟ้องร้อง อ.ส.ค.  ด้วย ซึ่งมันเป็นภาระหน้าที่ มาเกี่ยวข้องกันหรือไม่  อ.ส.ค.  มีส่วนได้เสียอะไรกับตรงนี้  เป็นแค่หัวเฉยๆ ซึ่งจริงๆ แล้วโรงเรียนจะต้องเป็นคนที่มีผู้ที่อยากจะได้นม สหกรณ์ไหน เจ้าไหนที่มีคุณภาพ โรงเรียนต้องมีสิทธิ์  ไม่ใช่ให้คนจัดสรรบงการ ดูการจัดสรรนม อย่างปีนี้ 30 บริษัท ปีหน้า 40 บริษัท อีกปีหนึ่งขึ้นไป 60 บริษัท และบริษัทที่งอกออกมา ก็เป็นบริษัทเก่าๆ หรือวนเวียนเป็นแบบนี้ ซึ่งไม่ได้ว่าใครแต่เราพูดในทางที่ถูกต้องเท่านั้น
.
      “กระทรวงศึกษาธิการ ก็ต้องเข้ามาเคลียร์ คือเราต้องคุยกับ กระทรวงศึกษาฯ ด้วย ว่ากระทรวงศึกษาฯ ต้องการแบบไหน กระทรวงศึกษาฯ ไปคุยกับโรงเรียนให้มีการฟ้องร้องนมบูด โรงเรียนนั้นๆ จากใครล่ะ คราวนี้ภาพใหญ่ มันจะกลายเป็นภาพเล็ก และถ้ามันจะเกิดขึ้น เราไม่ได้ยึดติดว่าเราคุมหน่วยงานนี้ และต้องมาซื้อของเรา แต่เราให้กระทรวงศึกษาฯ เข้ามาร่วมพิจารณาด้วย ไม่ใช่ว่ามีปัญหานม โรงเรียนหนึ่งมีปัญหา กว่าจะได้เรื่องได้ราว โรงเรียนต้องไปหากระทรวงศึกษาฯ ต้องไปชี้แจงใคร ว่ามีใครมีความผิด จะต้องไปหา อ.ส.ค. และ ต้องย้อนกลับมา บริษัทที่ทำสัญญา ถามว่ากว่าเด็กจะได้กินนม นมบูดไปถึงไหนแล้ว” รมช.เกษตรฯ กล่าว

     เธอ กล่าวด้วยว่า จริงๆ แล้วกระทรวงศึกษาฯ ต้องเข้ามาดูด้วยเรื่องนี้ ที่เกี่ยวพันคือกระทรวงศึกษาฯ ต้องเข้ามาดู ว่าจะต้องการนมแบบไหน ให้กับเด็ก ให้เด็กเป็นผู้เลือกได้หรือไม่ แต่ทุกวันนี้นมเอาไปทิ้ง อยู่ที่ไหนต่อไหน เด็กนักเรียนไม่ได้ดื่มนมที่อร่อย ไม่ได้ดื่มนมที่ ตามความต้องการ มันหมดสมัยในการยัดเยียดให้เด็กรับโน่นรับนี่แล้ว ต้องถามเด็กว่า เด็กต้องการอะไร เริ่มจากความต้องการดื่มนมนี่แหละ คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด