สารพัดปัญหารุ่มเร้าส่งออกผลไม้จากใต้สู่จีน ทั้งมาตรการโควิด-ตู้ฯขาดแคลน-ฝนตก รถดิตยาวที่ด่านโหยวอี้กวน-โมฮ่าน

  •  
  •  
  •  
  •  

พบสารพัดปัญหารุ่มเร้าจนกลายเป็นอุปสรรคส่งออกผลไม้ไทยจากภาคใต้ ทั้งมาตรการป้องกันโควิดของ 3 ประเทศ “จีน-เวียดนาม-ไทย” ที่ต้องตรวจเข้ม ทำให้สิ้นค้าเอ่อหน้าด่านจีนเต็มไปหมดโดยเฉพาะด่านโหยวอี้กวน-โมฮ่านติดขัด คิวยาว ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แถมฝนตกหนัก ล่าสุด “เกษตรฯ-พาณิชย์” ต้องเดินหน้า 7 มาตรการอย่างเร่งด่วน “อลงกรณ์” แนะผู้ส่งออกใช้ด่าน “ตงชิง-ผิงเสียง” แทน  พร้อมเร่งกลยุทธ์ขยายการค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มเพิ่มการบริโภคในประเทศ

     วันที่ 26 กรกฎาคม 2564 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันว่า คณะกรรมการบริหารและจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เข้าฤดูกาลลำไยภาคเหนือและผลไม้ภาคใต้อย่างใกล้ชิดตามการสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารและจัดการผลไม้ ซึ่งในปีนี้ผลผลิตออกมาเร็วกว่ากำหนด 1 เดือน ทำให้ราคาลำไยและมังคุดในเดือนมิถุนายนอยู่ในเกณฑ์ดีส่งออกได้มากขึ้น แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคมทำให้มีการออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มข้นมากกว่าเดิม ทั้งทางการจีน และเวียดนาม รวมทั้งไทยด้วย

                                           คลิปบรรยากาศรถติดเป็นแพที่ด่านเข้าจีน

  ทั้งนี้การส่งต่อการค้าการขนส่งและการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย ดังนั้นจึงได้มีการจัดประชุมทางไกลเร่งด่วนและประสานการทำงานกับสำนักงานเกษตรของไทยในจีน รวมทั้งสมาคมผู้ประกอบการค้าผลไม้ที่มีสมาชิกกว่า 900 ล้ง และผู้ให้บริการโลจิสติกส์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยสรุปปัญหาล่าสุดและกำหนดมาตรการเพิ่มเติม 7 ประการ ดังนี้

     1.เร่งการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์กลับจากจีนและเวียดนามทั้งการขนส่งทางบกและทางเรือให้หมุนเวียนกลับมาไทยเร็วที่สุด

     2.ขอการสนับสนุนจาก ”ศบค.” จัดหาวัคซีนจำนวนอย่างน้อย 30,000 โด้สให้แก่พนักงานและแรงงานของบริษัทส่งออกและล้งตลอดห่วงโซ่ผลไม้เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานของล้งและบริษัทส่งออก

     3.ผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิดและอำนวยความสะดวกให้ผู้ค้าและล้งจากภาคตะวันออกซึ่งมีกว่า 900 ล้งสามารถเข้าไปรับซื้อผลไม้ในพื้นที่จังหวัดชุมพรสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น

     4.เร่งรณรงค์การบริโภคผลไม้ภายในประเทศ, 5.ขยายการค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (B2C B2B B2F B2G),6.เร่งระบายจำหน่ายผลไม้ออกจากพื้นที่กระจายทุกช่องทางโดยขอความร่วมมือภาคเอกชนและภาครัฐ, และ7.สนับสนุนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) และหน่วยงานภาครัฐเร่งขับเคลื่อนมาตรการตามที่ได้รับการอนุมัติไปก่อนหน้านี้จากคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ ทั้งแผนงานและงบประมาณตามแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคใต้

     อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ประกอบการส่งออกเข้าจีนทางเขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วงใช้ด่านตงชิงและด่านผิงเสียงเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความแออัดของด่านโหยวอี้กวนและปรับแผนการขนส่งที่จะผ่านเวียดนามเพราะประกาศล่าสุดของทางการเวียดนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาห้ามผ่านเขตกรุงฮานอย ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่งมีระยะทางเพิ่มขึ้นอีก 150 กิโลเมตร

     นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการขนส่งทุกเส้นทางยากลำบากมากเพราะเป็นฤดูฝนทั้งเส้นเชียงของผ่านด่านบ่อเตนของสปป.ลาว ผ่านด่านโมฮ่านในสิบสองปันนาของมณฑลยูนนานและเส้นทางจากนครพนมผ่าน สปป.ลาว เวียดนามไปจีนที่กว่างสีจ้วง ฝนตกหนักตลอด และมีการตรวจโควิดเข้มข้นทุกด่านและบทลงโทษหากพบการปนเปื้อนโควิดก็รุนแรงมากขึ้นถึงขั้นถอนใบอนุญาตนำเข้า

     นอกจากนี้ยังเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้เวียดนามที่มีผลผลิตออกมามากทำให้การขนส่งผ่านด่านจีนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางไทย ได้ให้ทีมของกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ในจีนช่วยดูแลหน้างานอย่างใกล้ชิดเร่งคลี่คลายความแออัดโดยทางการจีนให้ความร่วมมืออย่างดี พร้อมกับให้กำลังใจผู้ประกอบการอย่าท้อ เพราะรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานโดยเฉพาะ 7 มาตรการเพิ่มเติมซึ่งได้รายงานต่อท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเกษตรฯ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทาง 2 ท่าน ได้สั่งการทันทีให้ทุกภาคส่วนเร่งคลี่คลายแก้ปัญหา

     ล่าสุด คพจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด และเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ได้ผ่อนปรนให้ล้งเข้ารับซื้อมังคุดเพิ่มขึ้น พร้อมกันนั้นได้ขยายการค้าออนไลน์และเพิ่มบริการขนส่งโดยความร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ไทยคณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซและคณะอนุกรรมการธุรกิจเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ด้วย

     พร้อมกันนี้ ได้ประสานความร่วมมือกับกรมประชาสัมพันธ์ อสมท.และสื่อมวลชนทุกแขนงช่วยรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย เช่น ลำไย มังคุด เงาะ ลองกอง เป็นต้น เมื่อการส่งออกเริ่มติดขัดก็ปรับกลยุทธ์เพิ่มอุปสงค์ในประเทศ ตัวอย่างเช่น ปีนี้มังคุดภาคใต้มีผลผลิต 165,000 ตันเพิ่มขึ้นกว่า 20% สัดส่วนส่งออก 60% บริโภคในประเทศ 40% และผลผลิตออกเร็วกว่าปกติ 1 เดือน จนชนกับผลไม้ปลายฤดูของภาคตะวันออก

     “ปัจจุบัน ล้งไม่สามารถล้งก็ข้ามเขตไปใต้แทบไม่ได้เลยเพราะมาตรการโควิดต้องตรวจโรคและไม่มีวัคซีนฉีดแรงงานชำนาญงานขาดแคลน ปัญหาจึงรุมเร้ามากตั้งแต่ต้นทางถึงด่านส่งออก รวมทั้งฝนที่ตกกระหน่ำในลาวและเวียดนามไม่เว้นแต่ละวัน แต่เราก็สู้เต็มกำลังทุกวันเพื่อเกษตรกรของเรา เราจะฝ่าวิกฤตไปด้วยกันไม่ทอดทิ้งกัน” นายอลงกรณ์ กล่าว

สำหรับข้อมูงการส่งออกผลไม้จากภาคใต้ กรมส่งเสริมการเกษตร (23 ก.ค. 64) ระบุถึงสถานการณ์การเก็บเกี่ยวผลไม้ภาคใต้ มีดังนี้ ทุเรียน ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้ว ร้อยละ 32.83 เงาะ ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 33.46 มังคุด ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 23.16 ลองกอง ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 0.2