ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์
ธ.ก.ส.เตรียมพร้อมแล้ว 1 หมื่นล้านบาท ออกมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเพื่อเสริมสภาพคล่อง และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEsเกษตร และสถาบันเกษตรกร ไม่ให้ถูกกดราคาบังคับขายทรัพย์สิน และสามารถกลับมาสร้างงาน ทำรายได้หลังสถานการณ์COVID-19 คลี่คลาย ภายใต้ พ.ร.ก. และประกาศ ธปท.อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปีในช่วง 2 ปีแรก รัฐบาลจ่ายดอกเบี้ยแทนผู้กู้ในช่วง 6 เดือนแรกกำหนดชำระคืนภายใน 5 ปี เริ่มดำเนินการวันนี้ ยันถึง 6 เมษายน 2566
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินการตามนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEsเกษตร และสถาบันเกษตรกร ผ่าน 2 มาตรการ ดังนี้
1) มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู)วงเงินรวม 5,000 ล้านบาทโดยเติมวงเงินอัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการทั้งที่เป็นเกษตรกรบุคคลผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) กลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองสหกรณ์ภาคการเกษตรและสหกรณ์นอกภาคการเกษตรที่ประกอบธุรกิจพาณิชยกรรมอุตสาหกรรมและบริการ
ทั้งนี้โดยลูกค้าเดิม สามารถขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจณวันที่ 31 ธันวาคม 2562 หรือณวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่าแต่ไม่เกิน 150 ล้านบาทโดยให้นับรวมวงเงิน Soft Loan เดิม ที่เคยได้รับกรณีลูกค้าใหม่ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับสถาบันการเงินทุกแห่งณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 กู้ได้ไม่เกินรายละ 20 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ในช่วง 2 ปีแรก และปีต่อไปคิดดอกเบี้ย ร้อยละ 4.875 ต่อปีหรือร้อยละ 6.50 ต่อปี ตามประเภทลูกค้าโดยรัฐบาลรับภาระจ่ายดอกเบี้ยแทนในช่วง 6 เดือนแรก กำหนดระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ลูกค้าได้รับเงินกู้หรือตามที่ธปท. กำหนดโดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อตามมาตรการนี้
2) มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (พักทรัพย์พักหนี้) วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่และได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่ยังมีศักยภาพและมีทรัพย์สินเป็นหลักประกันเงินกู้กับ ธ.ก.ส. ก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2564 ทั้งนี้ เพื่อช่วยรักษาโอกาสไม่ให้ถูกกดราคาบังคับขายทรัพย์สิน (Fire Sale) และช่วยให้สามารถกลับมาสร้างงานและทำรายได้เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งในการตีโอนทรัพย์ชำระหนี้จะให้สิทธิลูกค้าที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือบุคคลอื่นซึ่งผู้ประกอบธุรกิจและเจ้าของทรัพย์สินกำหนดสามารถเช่าทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันและซื้อคืนได้ภายตามระยะเวลาที่กำหนดไม่เกิน 5 ปี
กรณีมีต้นเงินและดอกเบี้ยส่วนที่เหลือจากการตีโอนทรัพย์ชำระหนี้ จะดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กำหนดอายุสัญญาไม่เกิน 20 ปีโดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ในช่วง 2 ปีแรก และปีต่อไปกรณีเป็นผู้ประกอบการและสถาบันคิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1 (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี) และกรณีเป็นเกษตรกรและบุคคลคิดอัตราดอกเบี้ย MRR – 1 ต่อปี(ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี)นอกจากนี้ สามารถขอสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมตามมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู)ได้
สำหรับคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการต้องประกอบธุรกิจในประเทศไทย มีสถานะไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(Non-Performing Loan : NPLs) ณวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และไม่เป็นบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (The Stock Exchange of Thailand : SET) เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 9 เมษายน 2566 ซึ่งลูกค้าที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ Call Center 02 555 0555