“น้าสน”เตรียมลงใต้แก้ปัญหาราคาปาล์มฯ เกษตรกรตั้งแท่นหนุนสุดๆนั่งเก้าอี้ รมว.พลังงานต่อ หวั่นคนใหม่รื้อนโยบาย B10

  •  
  •  
  •  
  •  

 “สนธิรัตน์” เตรียมรุดลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ติดตามการแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน พร้อมให้ความรู้เกษตรกรในการนำระบบ Block Chain มาใช้ชื้อขายผลปาล์มน้ำมันให้เป็นธรรมด้วยตัวเองในวันที่ 6 มิ.ย.63 แกนนำชาวสวนปาล์มฯทราบข่าวตั้งแท่นขอเข้าพบ พร้อมขอมบกระเช้า แสดงความขอบคุณที่ได้ชุบชีวิตเกษตรกรที่พลักดันให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันสูงขึ้น  และให้กำลังใจที่ให้ความช่วยเหลือตลอดมา ประกาศสนับสนุนเต็มเต็มที่ให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีพลังงานต่อไป หวั่นคนใหม่มารื้อนโยบายน้ำมัน B10 ทำให้เดือดร้อนซ้ำเติมอีก

    วันที่ 4 มิถุนายน 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้ร่วมประชุมกับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่ผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และสมาคมผู้ผลิต B100 เพื่อลงรายละเอียดแนวทางในการดำเนินโครงการนำร่องการนำระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ หรือ Block Chain มาใช้ในการบริหารจัดการ B100 ที่ใช้ในการผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอย่างครบวงจร หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ร่วมประชุมกับผู้ประกอบการไบโอดีเซล (B100) เพื่อรับฟังความต้องการ ข้อกังวล และความพร้อมของการเข้าร่วมโครงการ Block Chain ไปแล้ว และก็ได้ให้การบ้านไปคิดต่อว่าถ้าเราจะเดินหน้าโครงการนำร่อง (Pilot Project) จะเดินกันอย่างไร

       “การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร หมุนเศรษฐกิจฐานราก เป็นความตั้งใจตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำงานที่กระทรวงพลังงานครับ ส่วน blockchain จะเข้าไปปฏิรูปวิธีการซื้อขายปาล์มในภาคพลังงาน แก้ปัญหาราคาตกต่ำ ป้องกันการลักลอบ และสร้างฐานข้อมูลที่เป็นระบบครบวงจร” นายสนธิรัตน์ กล่าว

        รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 6 มิ.ย. 63 นี้ นายสนธิรัตน์  มีกำหนดจะลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพื่อติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน โดยมีกำหนดรับฟังรายงานผลผลิตปาล์มพร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรค จากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และสำนักงานพลังงานจังหวัดกระบี่ ตลอดจนร่วมพูดคุยกับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และไปเป็นประธานเปิดการเสวนาเรื่อง “Block Chain กับทิศทางใหม่ของชาวสวนปาล์ม” ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้ชุมชนสหกรณ์ชาวสวนปาล์ม ต.คลองยา อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ 

                                                                    ชโยดม สุวรรณรัตนะ

  ด้านนายชโยดม สุวรรณรัตนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางกลุ่มเกษตรกรปลูกปาล์มเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เตรียมจะนำระบบ Block Chain มาใช้ดูแลการซื้อขายปาล์มน้ำมันทั้งระบบ เพื่อตัดวงจรพ่อค้าคนกลางออกไป และป้องกันการลักลอบนำเข้าได้ด้วย เปรียบเสมือนเป็นการกำหนดโครงสร้างราคาปาล์มทั้งระบบ ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีโครงสร้างราคาปาล์มมาก่อนเลยแม้ว่าจะปลูกปาล์มอันดัน 3 ของโลกก็ตาม เป็นสาเหตุทำให้ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาผลปาล์มให้ตกต่ำเรื่อยมา

        อย่างไรก็ดี เกษตรกรยังโชคดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้มีนโยบายผลักดันช่วยเหลือราคาปาล์มให้ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ผลักดันกำหนดให้น้ำมันไบโอดีเซล B10 เป็นน้ำมันพื้นฐาน ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นี้ ทำให้ราคาผลปาล์มขยับขึ้นอยู่ที่ 3.50-3.80 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อช่วงเดือน เม.ย. อยู่ที่ 2 บาทกว่าต่อกิโลกรัมเท่านั้น ถือเป็นข่าวดีของเกษตรกรชาวสวนปาล์ม แม้ว่าราคานี้จะเท่ากับราคาต้นทุนของเกษตร แต่เชื่อว่าเมื่อมีมาตรการต่างๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็น Block Chain จะทำให้การขายผลปาล์มมีกำไรอย่างแน่นอน

       “นโยบายการผลักดันน้ำมันไบโอดีเซล B10 เป็นน้ำมันพื้นฐานช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มได้เยอะ เราดีใจที่ราคาปาล์มไม่ตกต่ำไปกว่านี้ ในโอกาสที่ท่านสนธิรัตน์ ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่เพื่อติดตามและแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน ในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ เราตั้งใจจะนำกระเช้าผลไม้เพื่อแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจที่ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มตลอดมา ท่านเป็นคนดี จริงใจ ตั้งใจทำงาน จึงอยากจะให้กำลังใจ และขอให้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต่อไป เราเกรงว่าถ้าคนอื่นมาเป็นแทนอาจจะเปลี่ยนนโยบายน้ำมัน B10 ก็เป็นได้” นายชโยดม กล่าว

        ขณะที่นายสุมาตร อินทรมณี นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายการแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันของนายสนธิรัตน์ ถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะการกำหนดจะให้น้ำมันไบโอดีเซล B10 เป็นน้ำมันพื้นฐานได้ช่วยให้ราคาปาล์มน้ำมันมีราคาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเชื่อว่าแนวโน้มราคาผลปาล์มต่อไปนี้จะดีขึ้นหลังจากมีการผลักดัน Block Chain ออกมาดูแลโครงสร้างปาล์มน้ำมันทั้งระบบ

       นอกจากนี้ ในวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบลานเทให้ซื้อปาล์มคุณภาพ 18% เพื่อป้องกันการกดราคาผลปาล์มจากเกษตรกร ซึ่งที่ผ่านมาจะซื้อผลปาล์มน้ำมัน 16% เท่านั้น

        รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า  ที่ประชุม กนป. ได้แต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานี กระบี่ พังงา ชุมพร และนครศรีธรรมราช เป็นซีอีโอ ของทีมงานระดับจังหวัด เพื่อจัดชุดปฏิบัติการเข้าไปให้ความรู้ในการตัดปาล์มสุก กวดขันการรับซื้อที่ลานเท และหน้าโรงงานสกัดตามโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมทั้งระบบ

        พร้อมกันนี้ ยังได้เร่งรัดให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดซื้อปาล์มน้ำมันดิบตามกรอบมติ ครม.ก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่จัดซื้อไม่แล้วเสร็จอีก 3.7 หมื่นตัน บวกกับยอดสำรองไว้อีก 1 แสนตัน รวมทั้งสิ้น 1.37 แสนตัน เพื่อเป็นการพยุงราคาผลปาล์มน้ำมันไม่ให้ตกต่ำในช่วงฤดูกาลที่ผลผลิตกำลังล้นตลาด