ธ.ก.ส.จับกรมน้ำบาดาล หนุนการใช้น้ำบาดาลพัฒนาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน

  •  
  •  
  •  
  •  

ธ.ก.ส. จับมือกรมทรัพยากรน้ำบาดาลหนุนการเจาะบ่อน้ำบาดาล ส่งเสริมใช้น้ำบาดาล เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน หวังให้มีน้ำต้นทุนในกับชุมชนที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ภายใต้การแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเกื้อกูล พร้อมสนับสนุนสินเชื่อ และพัฒนาสู่การเป็นธุรกิจชุมชนต่อไป คาดจะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 8,000 ครัวเรือน

     วันที่ 12พฤษภาคม 2563  รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าด้วย “การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้น้ำบาดาลเพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” ระหว่าง นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อร่วมจัดหาน้ำต้นทุนและยกระดับกลุ่มเกษตรกรจากกลุ่มผู้ใช้น้ำเป็นกลุ่มผู้ผลิต และนำไปสู่การพัฒนาภาคเกษตรเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุมจำเนียรสาร ชั้น 24 ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน กรุงเทพฯ

                                (จากซ้าย)  ศักดิ์ดา วิเชียรศิล-รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์-อภิรมย์ สุขประเสริฐ

      นายอภิรมย์  กล่าวว่าธ.ก.ส. มุ่งยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร โดยสนับสนุนการดำเนินงานของภาคเกษตรไทยทั้งในด้านเงินทุนและให้ความรู้ในการบริหารจัดการรวมถึงปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการทำเกษตรกรรม คือ “น้ำ” โดย ธ.ก.ส. และกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะดำเนินงานแบบบูรณาการร่วมกันในการคัดเลือกชุมชน องค์กรชุมชน ที่มีศักยภาพให้สามารถเข้าถึงโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ด้วยการสนับสนุนการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลสนับสนุนน้ำต้นทุนในการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและสามารถนำไปบริหารจัดการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนใหม่ จำนวน 10 ชุมชน และพัฒนากลุ่มผู้ใช้น้ำเดิม จำนวน 793 ชุมชน

        นอกจากนี้ยังส่งเสริมอาชีพกลุ่มผู้ผลิตเพื่อก้าวสู่ธุรกิจชุมชนที่เข้มแข็ง ภายใต้สโลแกน “ตั้ง เติม ต่อ อนุรักษ์”โดยสนับสนุนการตั้งกลุ่มใหม่ สำหรับชุมชนที่มีความพร้อมในการพัฒนาแต่ยังไม่มีกลุ่มเป็นรูปธรรม เติมสินเชื่อให้กับกลุ่มที่มีศักยภาพทางธุรกิจผ่านกระบวนการ ค้นหาโอกาสและศักยภาพของกลุ่มหรือชุมชน พร้อมจัดทำแผนธุรกิจ และผสานความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีเพื่อเติมองค์ความรู้ เสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม เติมสินเชื่อเพื่อพัฒนาสู่ธุรกิจชุมชน ต่อยอดธุรกิจ สำหรับกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจชุมชนและมีความเข้มแข็ง ให้ก้าวสู่ธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนผ่านการส่งเสริมการปลูกต้นไม้ภายใต้โครงการธนาคารต้นไม้และสนับสนุนการเติมน้ำลงสู่ดินภายใต้โครงการสร้างฝายชะลอน้ำเฉลิมพระเกียรติ(ฝายมีชีวิต) เพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศอย่างยั่งยืน คาดว่าจะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการไม่น้อยกว่า 8,000 ครัวเรือน

        ด้านนายศักดิ์ดา  กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ภัยแล้งของประเทศไทย เกิดขึ้นเร็วกว่าทุกปี ทั้งทวีความรุนแรงและขยายพื้นที่ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น สร้างความเสียหายเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและเกษตรกรเป็นจำนวนมาก เกิดสภาวะขาดแคลนน้ำ ทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เล็งเห็นความสำคัญในภาคเกษตรกรรมมาโดยตลอด จึงได้ดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553  โดยในปีพ.ศ. 2563 นี้ ได้ร่วมแก้ไขปัญหาให้กลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศมากกว่า 793 แห่ง โดยพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำบาดาลให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งคำนึงถึงการใช้พลังงานทางเลือก คือ พลังงานแสงอาทิตย์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

       สำหรับความร่วมมือ กับ ธ.ก.ส.ในครั้งนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคีการพัฒนาต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ที่เคยเป็นกลุ่มผู้ใช้น้ำ ให้กลายเป็นกลุ่มผู้ผลิตที่มีคุณภาพ สร้างความเข้มแข็งในระดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน