ธ.ก.ส.พักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถึงกำหนดชำระ ตั้งแต่งวดเมษายน 2563 – มีนาคม 2564 เป็นเวลา1ปี ให้กับเกษตรกรลูกค้าทุกกลุ่มโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยเกษตรกรฝ่าวิกฤตCOVID-19 และภัยแล้งพร้อมแจงภาพรวม 4 มาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ เผยมีมีเกษตรกรลูกค้าได้รับประโยชน์กว่า 3.3 ล้านราย ต้นเงินกู้กว่า 1.2 ล้านล้านบาท พร้อมประกาศเดินช่วยเพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟูเกษตรกรให้กลับมาพัฒนาอาชีพที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและชุมชน ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างรายได้ ความมั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกรเป้าหมาย 1 ล้านราย
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่าเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการระบาดของเชื้อไวรัสCOVID – 19ให้คลายความกังวลจากภาระหนี้สิน และสามารถผ่านพ้นช่วงระยะเวลาแห่งความยากลำบากไปด้วยกันธ.ก.ส. ในฐานะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง จึงได้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือให้แก่ลูกค้า ธ.ก.ส. ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยการพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่งวดเดือนเมษายน 2563 – งวดเดือนมีนาคม 2564 เป็นเวลา 1 ปี โดยอัตโนมัติ และยังคงชั้นหนี้เดิมของลูกค้าก่อนเข้าโครงการฯ ซึ่งมาตรการดังกล่าว ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งที่เป็นเกษตรกรรายคน บุคคล ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองรวมผู้ที่ได้รับประโยชน์จำนวน3,348,378รายคิดเป็นต้นเงินกู้จำนวน 1,265,492ล้านบาทโดยก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส.มีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสCOVID-19มาอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 4 มาตรการ ได้แก่
1) มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ในภาพรวม ประกอบด้วยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ลดอัตราดอกเบี้ย ปลอดชำระต้นเงินใน 3 ปีแรกให้กับลูกหนี้ปกติ และลูกหนี้ NPL ครอบคลุมทั้งเกษตรกรลูกค้า ผู้ประกอบการ และสถาบัน ระยะเวลาดำเนินมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 -31 ธันวาคม 2564และยังมีสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital)ในการประกอบอาชีพแก่ลูกหนี้เพิ่มเติมเพื่อเสริมสภาพคล่อง
2)มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีงวดชำระเป็นรายเดือน โดยพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ย 3 เดือนโดยอัตโนมัติ(เดือนเมษายน ถึงมิถุนายน 2563) ทั้งในส่วนของเกษตรกร บุคคลผู้ประกอบการ(นิติบุคคล) กลุ่มบุคคลกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชุนและสหกรณ์ทั้งประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท) และโครงการสินเชื่อ SME เกษตร (วงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท)
3) มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินลูกค้า SMEs จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ย6 เดือน (เมษายนถึงกันยายน 2563)แบบอัตโนมัติทุกรายให้กับ SMEsที่มีวงเงินกู้รวมไม่เกิน 100 ล้านบาทและในระหว่างพักชำระหนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ชำระหนี้ ธ.ก.ส.จะคืนดอกเบี้ยร้อยละ 10 ของเงินที่ส่งชำระ (Cash Back), 2.มาตรการสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจ SMEs( Soft Loan ของ ธปท.)เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการที่มีวงเงินกู้รวมไม่เกิน 500 ล้านบาทในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปีเป็นระยะเวลา 2 ปี รัฐบาลรับภาระจ่ายดอกเบี้ยแทน 6 เดือนแรกวงเงินกู้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 20 ของยอดหนี้คงค้างณวันที่ 31 ธันวาคม 2562
4) มาตรการสินเชื่อฉุกเฉิน วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและครอบครัวของเกษตรกรในการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายจำเป็นและฉุกเฉินในครัวเรือนในอัตราดอกเบี้ยคงที่เพียงร้อยละ 0.1 ต่อเดือน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 10,000 บาทกำหนดชำระคืนไม่เกิน 2 ปี 6 เดือนนับจากวันกู้ ไม่ต้องใช้หลักประกัน โดยปลอดชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรกนับจากวันกู้
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ยังได้เตรียมมาตรการในการฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรลูกค้า กลับมาพัฒนาอาชีพที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและชุมชน มีรายได้ ควบคู่กับการร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยน้อมนำความรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตซึ่ง ธ.ก.ส.มุ่งหวังว่าสามารถช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบ จำนวนกว่า 1,000,000 ราย
นายอภิรมย์กล่าวอีกว่ามาตรการดังกล่าวของ ธ.ก.ส. คาดว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ครอบคลุมทุกกลุ่มให้กลับมามีขวัญกำลังใจ ในการผลิตสินค้าทางการเกษตร เพื่อให้มีอาหารที่เพียงพอต่อการบริโภค การส่งออกเพื่อสร้างรายได้ รวมถึงเป็นกำลังหลักในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555