ซีพีเอฟ โชว์กระบวนการผลิตไก่เนื้อด้วยเทคโนโลยีทันสมัยล่าสุด “แขนกลอัตโนมัติ” มาใช้ในการตัดแต่งเนื้อไก่แม่นยำที่โรงงานแปรรูปไก่เนื้อ นครราชสีมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รักษาคุณภาพ และความสะอาดของผลิตภัณฑ์ ตอกย้ำมาตรฐานการผลิตระดับโลก ยึดหลักสวัสดิภาพสัตว์ การันตี ผลิตภัณฑ์ไก่เนื้อปลอดยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ฮอร์โมนและสารเร่งโต ตรวจสอบย้อนกลับได้
นายภานุวัตร เนียมเปรม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนา กระบวนการผลิตเนื้อไก่ ด้วยการนำนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยมาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนไทยบริโภคเนื้อไก่คุณภาพสูง ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล ล่าสุด บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบการตัดแต่งเนื้อไก่อย่างแม่นยำด้วยแขนกลอัตโนมัติ (Auto Cutting) มาใช้ในกระบวนการชำแหละและตัดแต่งเนื้อไก่ ช่วยรักษาคุณภาพ และลดการปนเปื้อน ก่อนจะผ่านเข้าสู่กระบวนการปรุงสุกไก่ในรูปแบบทอด อบ นึ่ง ย่าง เป็นผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูป และสำเร็จรูปพร้อมทาน
โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ ยังใช้นำระบบแอร์ชิลด์ ซึ่งเป็นระบบให้ความเย็นที่ช่วยรักษาคุณภาพความสดเนื้อไก่ตลอดกระบวนการผลิต รวมทั้ง การลำเลียงไก่ด้วยระบบโมดูล (Modular System) มีการควบคุมอุณหภูมิให้มีความเย็นสบาย มีระบบระบายอากาศที่ดี ปฏิบัติต่อไก่ด้วยความเอาใจใส่ และระมัดระวังไม่ให้ไก่บาดเจ็บ ส่งผลให้ไก่รู้สึกสบาย และมีความเครียดน้อยที่สุด ซึ่งเป็นปฏิบัติตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare และ Animal Health) ตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปและอังกฤษ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้ “ระบบคอมพาร์ทเม้นท์” ในกระบวนการผลิตไก่ทุกขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์-โรงฟักไข่ ฟาร์มเลี้ยง จนถึงโรงงานแปรรูป จนสามารถป้องกันโรคไข้หวัดนก และได้รับการรับรองคอมพาร์ทเมนต์จากกรมปศุสัตว์มาตั้งแต่ปี 2554 นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบวัตถุดิบทั้งก่อนและหลังกระบวนการผลิต และได้รับรองมาตรฐานสากล ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ GMP, HACCP, ISO9002, ISO14001 TIS18001, ISO/IEC17025, BRC รวมถึง HALAL
ด้วยเทคโนโลยีการผลิตเนื้อไก่ที่ทันสมัย การควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ของบริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น จีน โดยเฉพาะสหภาพยุโรปที่นำเข้าไก่จากซีพีเอฟมาตลอดเวลากว่า 30 ปี ที่สำคัญ ซีพีเอฟเป็นบริษัทรายแรกและรายเดียวนอกสหภาพยุโรปที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิตคุณภาพอาหารปลอดภัย หรือ QS Standard จากประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2560 นับเป็นมาตรฐานสูงสุดของคุณภาพความปลอดภัยอาหารที่มีข้อกำหนดและระบบตรวจสอบที่เข้มงวด ได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้บริโภคชาวเยอรมัน และอีกหลายประเทศในภูมิภาคยุโรป ว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐาน ปลอดภัยจากยาปฏิชีวนะและปราศจากการปนเปื้อนเชื้อโรค