ซีพีเอฟมองASFในสุกร ไม่กระทบธุรกิจ ยืนยันผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย

  •  
  •  
  •  
  •  

ซีพีเอฟ มั่นใจสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทที่ได้ตั้งไว้ ชี้ซีพีเอฟมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจด้วยสัดส่วนยอดขายถึง 16 ประเทศ ขณะที่การส่งออกเนื้อไก่ไปประเทศจีน เพิ่มมากขึ้น และได้ราคาสูงด้วย  

    นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร(ASF– African Swine Flu) ว่าไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทที่ได้ตั้งไว้ เพราะซีพีเอฟมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจด้วยสัดส่วนยอดขายในหลายประเทศ และการสร้างความสมดุลของประเภทเนื้อสัตว์ที่จำหน่าย นอกจากนั้น ยังได้ประโยชน์ในการส่งออกเนื้อไก่ไปประเทศจีนเพิ่มมากขึ้นทั้งปริมาณและราคา

      “ซีพีเอฟมีการลงทุนใน 16 ประเทศทั่วโลก โดยสัดส่วนยอดขายในประเทศไทยอยู่ที่ 28% เท่านั้น และสินค้าเนื้อสัตว์ที่จำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งไก่เนื้อและสุกรเป็นส่วนใหญ่และอยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ยังมีไข่ไก่ เป็ด ไส้กรอก และธุรกิจอาหารสำเร็จรูป แม้ช่วงที่ผ่านมานี้ราคาสุกรจะปรับตัวลดลงจากช่วงฤดูกาลการบริโภคที่อ่อนตัว ประกอบกับอาจมีการเร่งขายสุกรเข้าสู่ตลาดจากความกังวลเรื่อง ASF แต่ระดับราคายังคงไม่ต่ำกว่าต้นทุน” นายประสิทธิ์ กล่าว

        ในส่วนของไก่เนื้อนั้นมีการปรับตัวของราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง อันน่าจะมีผลมาจากความต้องการไก่ส่งออกของประเทศที่ดีขึ้น โดยเฉพาะความต้องการเนื้อไก่จากประเทศจีน ที่อยู่ในภาวะขาดแคลนสุกรจำนวนมากและผู้บริโภคหันมาบริโภคไก่เนื้อทดแทน ทำให้ราคาทั้งสุกรและไก่เนื้อปรับตัวสูงขึ้นมาก

       สำหรับสถานการณ์การระบาดของASF ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เวียดนาม และมีกรณีเกิดขึ้นบ้างในเขตประเทศเพื่อนบ้าน ที่ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเข้ามาในประเทศไทยนั้น ผู้ผลิตสุกรทุกรายล้วนต้องมีมาตรการในเรื่องของระบบความปลอดภัยด้านชีวภาพ (Bio-Security System) อย่างเข้มงวด ซึ่งซีพีเอฟได้ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอดและได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐโดยกรมปศุสัตว์ ในการเผยแพร่แนะนำวิธีการให้กับเกษตรกรในหลายพื้นที่เพื่อการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ