กรมวิชาการเกษตร-มกอช.รุดเจรจาจีน สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่าด้วยการขึ้นทะเบียนสวน โรงคัดบรรจุผลไทย เผยจีนยอมตกลงขึ้นทะเบียนให้แก่ไทย มีผลทันที่วันที่ 3 กันยายน 2562หลังจากก่อนหน้านี้จีนมีเงื่อนไขสวนที่จะขึ้นทะเบียนได้ต้องมีขนาด 40 ไร่ขึ้นไป
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตร พร้อมด้วยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหารือร่วมกับผู้แทนสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชนจีน (GACC) ในการแก้ไขปัญหาการขึ้นทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ที่ส่งออกจากไทยไปประเทศจีนล่าช้า ทำให้ในปัจจุบันยังคงมีสวนผลไม้และโรงคัดบรรจุที่ยื่นขอขึ้นทะเบียนแล้ว แต่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากจีน จึงไม่สามารถส่งออกไปยังจีนได้
สำหรับการเดินทางในครั้งได้บรรลุข้อตกลงในการหารือกับ GACC และฝ่ายจีน ได้ขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมให้แก่ไทยทันที และจากการที่จีนออกระเบียบเพื่อกำหนดให้ผลไม้เมืองร้อน 5 ชนิด ได้แก่ มะม่วง ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ต้องมาจากสวนและโรงคัดบรรจุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยรัฐบาลจีน เพื่อการตรวจสอบย้อนกลับในกรณีที่สินค้าเกษตรมีปัญหา โดยมาตรการดังกล่าว ได้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตร ได้เร่งขึ้นทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ เพื่อรวบรวมและจัดส่งให้กระทรวงศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศขึ้นทะเบียน แต่พบปัญหาการขึ้นทะเบียนของฝ่ายจีนล่าช้า ส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้โดยเฉพาะลำไยที่กำลังจะออกสู่ตลาด
นางสาวเสริมสุข กล่าวอีกว่า ผลการหารือ พบว่า จีนมีข้อกังวลเกี่ยวกับจำนวนสวน และโรงคัดบรรจุของไทยที่มีเป็นจำนวนมาก รวมทั้งได้สอบถามถึงวิธีการตรวจรับรองและขึ้นทะเบียนของไทย เนื่องจากจีนมีวิธีการตรวจรับรองและเกณฑ์ที่แตกต่างจากไทยในการขึ้นทะเบียนสวนผลไม้เพื่อส่งออกเฉพาะสวนที่มีพื้นที่มากกว่า 40 ไร่ขึ้นไปเท่านั้น
จากการหารือในครั้งนี้ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรได้เน้นย้ำว่า ไทยต้องการสร้างโอกาสให้เกษตรกรรายย่อยสามารถส่งผลผลิตไปยังต่างประเทศได้ จึงไม่ได้จำกัดขนาดพื้นที่สวนที่จะขอขึ้นทะเบียน โดยได้อธิบายรูปแบบการทำสวนผลไม้ของไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย มีที่ดินถือครองไม่มาก รวมทั้งแจ้งหลักเกณฑ์การตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุของไทย ซึ่งดำเนินการตามหลัก GAP และ GMP
ทั้งนี้หลังจากการหารือ ฝ่ายจีนมีความเข้าใจและได้ตกลงขึ้นทะเบียนให้แก่ไทยโดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2562.ผู้ประกอบการที่ขอขึ้นทะเบียนแล้ว สามารถตรวจสอบรายชื่อได้จากเว็บไซด์ของกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร ทั้งนี้ จีนขอให้กรมวิชาการเกษตรเร่งรัดการขึ้นทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุ โดยเฉพาะลำไยที่ประสงค์ส่งสินค้าไปจีนในปีนี้ เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2562