ซีพีเอฟ สรุปยอดขายงวด 6 เดือนปี 2562 จำนวน 259,183 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,384 ล้านบาท เผยเติบโตจากระยะเวลาเวลาเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย ชี้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) จำนวน 22,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน ระบุที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลงวด 6 เดือนปีนี้หุ้นละ 30 สตางค์
วันที่ 14 สิงหาคม 2562 นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวถึงผลการดำเนินกิจการของบริษัทฯงวด 6 เดือนปี 2562 ว่า มียอดรายได้ทั้งสิ้น จำนวน 259,183 ล้านบาท หากพิจารณาผลการดำเนินงานในรูปของเงินตราท้องถิ่น บริษัทจะมียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 5-6% แต่เนื่องจากสัดส่วนยอดขาย 67% ของบริษัทมาจากกิจการในต่างประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้ยอดขายจากกิจการต่างประเทศน้อยลงจากการแปลงค่างบการเงินมาเป็นสกุลเงินบาทประมาณ 4%
อย่างไรก็ตาม จากการฟื้นตัวจากภาวะล้นตลาดของราคาสุกรโดยเฉพาะในประเทศไทย ประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชา ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นอย่างโดดเด่น โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 11% ในปีก่อนเป็น 14% ในปีนี้ โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) จำนวน 22,175 ล้านบาท และส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 44%
นายประสิทธิ์ กล่าวถึงกำไรสุทธิงวด 6 เดือนปีนี้ว่า หากหักรายการพิเศษแล้ว กำไรสุทธิของบริษัทในงวด 6 เดือนปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีผลกระทบจากการบันทึกผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพ และผลกระทบจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจำนวน 1,812 ล้านบาท จากการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 7 ที่กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไปเมื่อออกจากงานเพิ่มเติมจาก 300 วันเป็น 400 วัน ทำให้กำไรสุทธิงวด 6 เดือนปีนี้จำนวน 8,384 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนประมาณ 6%
อย่างไรก็ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562 ได้มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจาก ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 30 สตางค์ โดยจะทำกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 29 สิงหาคม 2562 (ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม) และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายนนี้