สทนช.เล็ง “กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง”  เชื่อมข้อมูลบริหารจัดการแม่น้ำโขงกับจีน

  •  
  •  
  •  
  •  

สทนช. ยื่นมืออาสาพร้อมเป็นหน่วยงานกลางประสานความร่วมมือรัฐบาลจีนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำในแม่น้ำโขง – ล้านช้าง   หวังเชื่อมต่อข้อมูลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มแม่น้ำโขงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

          นายสมเกียรติ  ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากผลการประชุมคณะกรรมการประสานการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง (JCCCN)    ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 26 – 28  มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยกรมเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งการประชุมดังกล่าว      มีเป้าหมายสำคัญเพื่อหารือและรับทราบการดำเนินงานตามความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง (JCCCN)

        สำหรับการพัฒนาการขนส่งในแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง และมุ่งเน้นสนับสนุนการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฝ่ายไทยและจีนเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย กรมเจ้าท่าและขนส่งทางน้ำของประเทศสมาชิก JCCCN ได้แก่ จีน ลาว เมียนมา ไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สทนช. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น ซึ่งในที่ประชุมมีการพิจารณาในประเด็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำเพื่อการเดินเรือที่ปลอดภัยในแม่น้ำโขง – ล้านช้าง ระหว่างประเทศสมาชิก    โดยฝ่ายจีนเห็นพ้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำ โดยจะประสานกับหน่วยงานภายใน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรา    21 ของความตกลง JCCCN

       ทั้งนี้เพื่อให้การเดินเรือมีความปลอดภัยและสะดวกโดยเฉพาะในฤดูแล้ง และกำหนดให้ขยายความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการไหลของน้ำตามที่ฝ่ายไทยร้องขอ ซึ่ง สทนช. ได้พิจารณาแล้วว่าประเด็นดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการบริหารจัดการแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น จึงพร้อมที่จะเป็นหน่วยงานกลางในการผลักดันการดำเนินงานผ่านกลไกกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation : MLC)  สาขาทรัพยากรน้ำร่วมกับ JCCCN เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำกับจีนอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

          นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำฯ ระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน และประเทศสมาชิก JCCCN ได้มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนภายใต้พันธกรณีของความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง (JCCCN) ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลไกเดียวที่มีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ และสามารถผลักดันการดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ผ่านมาสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ได้นำเสนอและพยายามผลักดันประเด็นด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำกับจีนร่วมกับกรมเจ้าท่าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปัจจุบันยังมีโครงการ “กลไกความร่วมมือข้ามพรมแดน เพื่อสนับสนุนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและนำเสนอกลไกความร่วมมือที่เหมาะสม ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทรัพยากรน้ำระหว่างประเทศสมาชิกของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (MLC) และอยู่ระหว่างดำเนินการ โดย สทนช. มีบทบาทในฐานะหน่วยงานกลางในการดำเนินโครงการฯ เช่นเดียวกัน

            “การเปลี่ยนท่าทีเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำในแม่น้ำโขง – ล้านช้างโดยเฉพาะในฤดูแล้ง จากผลการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งแรกของจีนในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีความพยายามผ่านกลไกคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง (MRC) มาโดยตลอดแต่ยังไม่ครอบคลุมและเกิดประสิทธิผลมากนัก แต่การหารือร่วมกันครั้งนี้เป็นจะเป็นการเปลี่ยนกลไกการให้ข้อมูลด้านน้ำอย่างมีนัยสำคัญ จึงนับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญที่ฝ่ายไทยจะต้องดำเนินการและติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขง – ล้านช้าง รวมถึงการป้องกันบรรเทาผลกระทบข้ามพรมแดน จากสถานการณ์น้ำท่วม น้ำแล้ง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและระดับน้ำอย่างฉับพลันอีกด้วย” นายสมเกียรติ กล่าว