“เอนซา ซาเดน”สยายปีกตัดสินใจลงทุนเมล็ดพันธุ์พืชผักในไทย

  •  
  •  
  •  
  •  

 

ยักษ์ใหญ่อันดับ 6 ของโลกด้านพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชผัก “เอนซา ซาเดน เนเธอร์แลนด์” ตัดสินใจขยายการลงทุนมาประเทศไทย พร้อมเปิดสำนักงานประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการ  นับเป็นสาขาที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ตั้งเป้าเลี้ยงประชากรทั่วโลกกว่า 1,000ล้านคนทุกวัน จะได้บริโภคพืชผักที่ดีที่สุดจากเมล็ดพันธุ์เอนซา ซาเดน ภายในปี 2050

              บริษัท เอนซา ซาเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการพัฒนานวัตกรรมเมล็ดพันธุ์พืชที่ล้ำหน้า นำโดย    มร.ยาป มาเซอร์ริว ซีอีโอ  ( Mr. Jaap Mazereeuw, CEO)  นักธุรกิจ เจนเนอเรชั่น 3 ของ เอนซา ซาเดน  พร้อมด้วย  มร. ปันกาจ  มาร์ลิค   (Mr. Pankaj Malik)  ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจภูมิภาค  เอนซา ซาเดน เอเชีย  พร้อมด้วย มร. วายแบพ  เปตวาล  (Mr Vaibhav Petwal)  ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอนซา ซาเดน (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกันจัดงานพบปะสื่อมวลชน  เพื่อแถลงแผนการอนาคต  และนโยบายการขยายการลงทุนพร้อมแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย  รวมถึง การตั้งสำนักงาน ประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562   นับเป็นประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชีย จากเดิมมีที่ประเทศมาเลเซีย

          มร. ยาป เปิดเผยถึงความสำเร็จของเอนซา ซาเดนว่า  บริษัทเอนซา ซาเดน ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ณ เมือง  เอนคูเซน  (Enkhuizen)  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481  ประเทศเนเธอร์แลนด์  และดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงต่อเนื่องมาเป็นเวลานานกว่า 80 ปี   ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการวางวิสัยทัศน์ระยะยาวได้อย่างแม่นยำ  พร้อมทั้ง ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่องานด้านการวิจัยพัฒนา  ส่งผลให้บริษัทสามารถพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการเพาะเมล็ดพันธุ์พืชที่ล้ำหน้า ให้กับเกษตรกรทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง 

         เขา กล่าวอีกว่า เอนซา ซาเดนมุ่งให้ความสนับสนุนเกษตรกรทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าระดับโลกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้สามารถนำไปเพาะปลูกให้มีผลผลิตที่หลากหลายและมีคุณภาพ  ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดด้านดินฟ้าอากาศและสภาวการณ์ด้านการเพาะปลูก  โดยให้สามารถพัฒนาให้เข้ากับความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เอนซา ซาเดน มีความภาคภูมิใจที่สามารถสร้างสถิติการผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นจำนวนสูงถึง  9 แสน กก.ต่อปี   โดยทำการตลาดเพื่อเลี้ยงประชากรครอบคลุมทั้ง  6 ทวีปทั่วโลก ใน 25 ประเทศหลัก  กระจายผ่านตัวแทน 45 แห่ง  โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการถึง  2,000  คน 

      นอกจากนี้เอนซา ซาเดน ได้ตั้งเป้าหมายสถิติรายวัน ให้มีผลผลิตพืชผักเลี้ยงประชากรทั่วโลก กว่า 1,000 ล้านคนในแต่ละวัน   มีพัชผักเพื่อการบริโภคที่มีคุณภาพและดีที่สุดที่เพาะปลูกจากเมล็ดพันธุ์ของ เอนซา ซาเดน ภายในปี 2050 จากสถิติปัจจุบันที่มีจำนวนประชากรที่บริโภคถึง  460 ล้านคน   ยิ่งกว่านี้  เมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดน ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากเกษตรกรทั่วโลก    โดยเฉพาะ หัวกะหล่ำและผักกาดหอม  สร้างสถิติกว่า 20 ล้านหัว ทีมีการใช้เมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดนในการเพาะปลูกทั่วโลก   

       ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการทุ่มเทในการค้นคว้าวิจัยเพื่อการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้สมบูรณ์ที่สุด  โดยกว่า  30% ของรายได้ในแต่ละปีจะถูกจัดสรรเพื่องานด้านวิจัยพัฒนาโดยเฉพาะ  ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญ และ วิสัย ทัศน์ในการก้าวไกลไปข้างหน้าเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชากรทั่วโลก ด้วยการบริโภคพืชผักที่ปลอดภัยและให้รสชาติดี

        ในส่วนของการพัฒนาเมล็ดพันธุ์นั้น  เอนซา ซาเดนมีศูนย์การเพาะเมล็ดพันธุ์ทั้งในส่วนของภูมิภาคและ ในประเทศต่างๆ มากกว่า 30 แห่ง  ทำการเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผลมากกว่า 1,200 ชนิด  โดยมีการเปิดตัวนวัตกรรมเมล็ดพันธุ์กว่า  100  สายเมล็ดพันธุ์ออกสู่ตลาดเป็นประจำทุกปี ซึ่งเอนซา ซาเดน สร้างศูนย์การเพาะแมล็ดพันธุ์มากกว่า  30 แห่งทั่วโลก  เพาะเมล็ดพันธุ์พืชผลมากกว่า 1,200  ชนิด  ด้วยสถิติผู้บริโภครายวันกว่า  460 ล้านคน ที่ทานพืชผักที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ เอนซา ซาเดน

          สำหรับตลาดประเทศไทย  เอนซา ซาเดน ทำการตลาดผ่านระบบตัวแทนจำหน่าย  ซึ่งจะเป็นผู้กระจายเมล็ดพันธุ์สู่เกษตรกรโดยตรง   โดยเมล็ดพันธุ์พืชผักของเอนซา ซาเดน ที่ทำการตลาดในประเทศไทยประกอบเมล็ดพันธุ์  3 กลุ่ม  คือ ไฮโดรโปนิกส์ ผักสลัดต่างๆ  เช่น  เรดโอ๊ค,  กรีนโอ๊ค,  เจมส์ (Gem)  บัตเตอร์เฮด,                      G กรีนเฮ้าส์เมล่อน    พริกหวาน   มะเขือเทศ   บัตเตอร์นัท (ฟักทองเหลี่ยมที่ปลูกแถบยโรป) Open field,และกลุ่มตระกูลแตง     แตงกวา  แตงร้าน  บวบ    มะระ   ถั่วฝักยาว   ฯลฯ  

        ส่วนเมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดน ได้รับการวิจัยพัฒนา ทำให้เมล็ดพันธุ์มีจุดเด่นและแตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์  ในแง่ของ  การต้านทานโรคและแมลง  ทนต่อดินฟ้าอากาศ  ให้ผลผลิตสูงและเก็บเกี่ยวได้เร็ว   ตลอดจน รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางอาหาร   เมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดน นี้  ยังพัฒนาให้เป็นผลผลิตที่มีอายุการเก็บรักษาได้ยาวนาน  ทั้งนี้ เป็นการป้องกันและลดการสูญเสียเมล็ดพันธุ์ได้เป็นอย่างดี  ยิ่งกว่านี้  ยังมีการวิจัยพัฒนไปไกลถึงการรองรับเชื่อโรคใหม่ๆ ต่างๆ และยาฆ่าแมลงที่จะมีพัฒนาการยิ่งขึ้นไปในอนาคต อีกด้วย โดยไวทัลลิสต์ ในเครือ เอนซา ซาเดน ยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาและผลิตเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ของโลก ได้รับการการันตี รับรองให้เป็นผลิตผลออแกนิก 100%  มากกว่า 500 สายพันธุ์

          “ทางเอนซา ซาเดน ได้เล็งเห็นศักยภาพของตลาดการเกษตรเมืองไทย  จึงได้ตัดสินใจขยายการลงทุนมาประเทศไทย พร้อมจะแต่งตั้งตัวแทนกระจายเมล็ดพันธุ์พัช ของ เอนซา ซาเดน ตรงสู่เกษตรกรชาวไทย  และจะจัดทำแปลงวิจัยพันธุ์พืช 2 แห่ง ที่ จ.เชียงใหม่ และ ราชบุรี  เพื่อวงการเกษตรกรรมไทยโดยตรง

        สำหรับแผนการลงทุนนั้นประกอบด้วย งบประมาณโดยตรงส่วนหนึ่ง  การถ่ายทอดเทคโนโลยีพืชผลการเกษตรและองค์ความรู้การผลิตที่ล้ำหน้าให้กับเกษตรกรชาวไทย   พร้อมสนับสนุนด้านอื่นๆ  เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยสามารถสร้างผลกำไรได้มากยิ่งๆ ขึ้น   โดยมุ่งเป้าจะสร้างเมืองไทยให้เป็นฐานสำคัญของศูนย์กลางพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชในเอเชีย   ยิ่งกว่านี้ เอนซา ซาเดนยังมีมาตรการนำทรัพยากรต่างๆ เพื่อเตรียมการพัฒนาผลผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มของความต้องการด้านอาหาร  ตลอดจน รูปแบบการบริโภคในอนาคต อีกด้วย

        ด้าน มร. ปันกาจ (Mr Pankaj Malik) ผู้อำนวยการบริหารงานส่วนภูมิภาค  ให้รายละเอียดว่า  การดำเนินงานของเอนซา ซาเดน เอเชีย มีหน้าที่ดูแลตลาดสำคัญถึง 13 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย  ได้แก่  ตลาดประเทศไทย  ฟิลิปปินส์  พม่า  เวียดนาม  ลาว  กัมพูชา  ปากีสถาน  และ ศรีลังกา  เป็นต้น