เริ่มแล้วงาน “ตามรอยตำนานกาแฟ แลดอกนางพญาเสือโคร่ง”

  •  
  •  
  •  
  •  

เริ่มแล้วงาน “ตามรอยตำนานกาแฟ แลดอกนางพญาเสือโคร่ง” โชว์แหล่งพัฒนาพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตกาแฟอะราบิก้า หวังดันกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกตลาดโลก พร้อมเตรียมทบทวนแนวทางอย่างจริงจัง

          นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงาน “ตามรอยตำนานกาแฟ แลดอกนางพญาเสือโคร่ง” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 14 มกราคม 2562 ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมวิชาการเกษตรจัดงาน “ตามรอยตำนานกาแฟ แลดอกนางพญาเสือโคร่ง” ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบการผลิต การแปรรูป และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ พร้อมต่อยอดพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพ ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถลดต้นทุนการผลิต และนำไปสู่ความยั่งยืนในอาชีพ

         อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งพัฒนาพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตกาแฟอะราบิกาของกรมวิชาการเกษตร และแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตร (Agro tourism) ขุนวางให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ตลอดจนเป็นการส่งเสริม สนับสนุน และกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตร อนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป

              ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีแนวพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาป่า ซึ่งป่าพื้นที่สูงบางแห่งเกิดความเสียหาย จึงต้องฟื้นฟูสภาพให้กลับมาสมบูรณ์ สามารถนำผลผลิตจากพื้นที่ป่ามาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ ขณะเดียวกันยังดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย เช่น ดอยช้าง จ.เชียงราย เดิมเป็นป่าเสื่อมโทรม ต่อมาได้ฟื้นฟู โดยกระทรวงเกษตรฯ สนับสนุนให้ปลูกไม้ยืนต้น ได้แก่ กาแฟ และมะคาเดเมีย ทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลับมาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ โดยนำผลผลิตมาทำเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายและใช้หลักการตลาดนำการผลิต ทำให้ปัจจุบันกาแฟได้กระจายไปสู่พื้นที่อื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ

             “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเสริมการปลูกกาแฟทั้งในพื้นที่สูงและตอนล่างให้มีศักยภาพ สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ได้รายได้น้อย เพื่อให้กาแฟได้กลับมาเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศ โดยมีคณะอนุกรรมการพืชสวน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการส่งเสริมในเขตภาคเหนือตอนบน มีการเชื่อมโยงการแปรรูป การตลาด วิจัย ลดต้นทุน และพัฒนาพันธุ์ ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และนำไปขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ดังนั้นจึงต้องทบทวนแนวทางนี้อย่างจริงจัง” รมช.กระทรวงเกษตรฯ กล่าว

           ด้านนางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานในครั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายหน่วยงาน ซึ่งภายในงานจะประกอบด้วย 1. นิทรรศการวิชาการ “จากพระราชดำริแรกปี 2525 ถึงปี 2562…ก้าวสู่ปีที่ 35 แห่งการวิจัยและพัฒนากาแฟอะราบิกากรมวิชาการเกษตร” อาทิ แหล่งรวมพันธุ์และแหล่งสร้างนวัตกรรมกาแฟอะราบิกาพันธุ์ใหม่ เทคโนโลยีการพัฒนายกระดับมาตรฐานคุณภาพกาแฟอะราบิกา การเชื่อมโยงการผลิตกาแฟอะราบิกาไทยสู่มาตรฐานกาแฟอะราบิกาโลก และทิศทางการพัฒนากาแฟอะราบิกาในอนาคต

          2. เสวนาทางวิชาการ องค์ความรู้ของกรมวิชาการเกษตรต่อการพัฒนากาแฟอะราบิกาของไทย การสร้างอัตลักษณ์กาแฟไทยจากยอดดอยสู่สากล และการปรับโฉมการผลิตและเพิ่มมูลค่ากาแฟอะราบิกายุค 4.0 3. การแข่งขันเก็บผลกาแฟอะราบิกาคุณภาพ การแข่งรถสามล้อดอยวิถีชาวดอย และการแข่งขันถ่ายภาพภายใต้แนวคิด “ตามรอยตำนานกาแฟ แลดอกนางพญาเสือโคร่ง” และ 4. การสาธิตเทคนิคการชิมกาแฟและชิมกาแฟพิเศษ Best ASEAN Top 5 Coffee สาธิตการทำ Latte Art และสาธิตการชงกาแฟในรูปแบบต่างๆ ซึ่งงานดังกล่าวเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย