25ปี ซี.พี.เวียดนาม ปักธงไทยสร้าง 3ประโยชน์

  •  
  •  
  •  
  •  
 เวียดนาม-บริษัท ซี.พี.เวียดนามคอร์ปอเรชั่นฉลองครบรอบ 25 ปี ที่เปิดดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม เข้ารับรางวัลเกียรติยศจากรัฐบาล ตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ “3 ประโยชน์” ส่งผลกิจการเติบโตต่อเนื่อง

         นายมนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เวียดนามคอร์ปอเรชั่นเข้าร่วมพิธีมอบเหรียญอิสริยาภรณ์แรงงาน ชั้น3 ซึ่งเป็นรางวัลที่ประธานาธิบดีเวียดนามมอบให้บริษัทฯ เพื่อยกย่องผลงานการมีส่วนร่วมพัฒนาประชาชนชาวเวียดนามให้ได้รับความรู้ ได้รับอาชีพ และเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศเวียดนาม ตอกย้ำความสำเร็จของปรัชญาดำเนินธุรกิจ 3ประโยชน์ นั่นคือ ธุรกิจที่ทำต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่ไปลงทุน ประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศนั้น และประโยชน์ต่อบริษัท รางวัลนี้สร้างพลังและกำลังใจให้แก่ทุกคนในบริษัทเป็นอย่างมาก
       “ตลอดระยะเวลา 25ปีที่ ซี.พี.เวียดนามเข้ามาดำเนินธุรกิจ ต้องขอขอบคุณรัฐบาลเวียดนามที่ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างดียิ่งขอบคุณเกษตรกรที่ร่วมกันผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อประชาชนขอบคุณเพื่อนพนักงานที่ร่วมสร้างบริษัทมาจนถึงวันนี้ ตลอดจนขอขอบคุณผู้บริโภคชาวเวียดนามที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของเราด้วยดีการทำธุรกิจอย่างครบวงจรตั้งแต่อาหารสัตว์-ฟาร์มเลี้ยงสัตว์-อาหารแปรรูป(Feed–Farm–Food)ตลอดห่วงโซ่การผลิตนั้นสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่พี่น้องประชาชนชาวเวียดนามนับแสนครอบครัวขณะเดียวกันบริษัทยังเป็นบริษัทดีเด่นที่ชำระภาษีรายได้ให้แก่รัฐบาลเวียดนามทุกปีติดต่อกันระดับรายได้ของซี.พี.เวียดนามและการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามผ่านกิจการต่างๆของบริษัทนี้ส่งผลถึงรายได้รวมของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) อย่างต่อเนื่องด้วย” นายมนตรีกล่าว
                             
                                                         มนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี
       
          ทั้งนี้ ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทของไทย ที่เข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัท ตั้งแต่ปี 1993โดยดำเนินธุรกิจเกษตรปศุสัตว์และอาหารครบวงจร ครอบคลุมทั้งธุรกิจสัตว์บกและธุรกิจสัตว์น้ำ ปัจจุบัน ซี.พี.เวียดนาม มีบุคลากรทั้งหมดกว่า 20,000คน ในจำนวนนี้เป็นชาวเวียดนามถึง 98.72%ซึ่งบริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้พนักงานชาวเวียดนามเติบโตสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงได้เป็นจำนวนมาก  

         ขณะเดียวกันได้จัดตั้ง “กองทุนซี.พี.เวียดนามเพื่อการกุศล” (CPV’s Donation Fund) เพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืนในหลายๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการบริจาคโลหิตที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2009โดยมียอดรับบริจาคโลหิตรวมทั้งสิ้นกว่า 200,000ยูนิต (ประมาณ 62ล้านซีซี) เป็นที่ยอมรับและชื่นชมจากรัฐบาลและประชาชนนอกจากนี้ยังมีโครงการหน่วยแพทย์อาสาและโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสต่างๆ อีกหลายโครงการ

นาง เล เหยิด ถุ่ยรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส  ประธานกองทุน ซี.พี.เวียดนาม เพื่อการกุศล กล่าวว่า  เดิมทีชาวเวียดนามมีความเชื่อที่จะไม่ให้เลือดของตนแก่คนนอกครอบครัว แต่โครงการบริจาคโลหิตที่ซี.พี.เวียดนามเป็นผู้รณรงค์ส่งเสริมนั้นสามารถเปลี่ยนความเชื่อดังกล่าว กระทั่งสร้างประโยชน์แก่วงการสาธารณสุขของเวียดนามเป็นอย่างมาก

พัฒนาเศรษฐกิจ…ยกระดับคุณภาพชีวิต
         ซี.พี.เวียดนามมีส่วนในการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศในระยะ 25ปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาภาคเกษตรอุตสาหกรรมอันทันสมัย มีการนำเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพตลอดจนองค์ความรู้ต่างๆเข้ามาถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรส่งผลให้เกษตรกรชาวเวียดนามมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถ ประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน พร้อมๆกับการที่ประชาชนชาวเวียดนามมีปริมาณอาหารโปรตีนรับประทานได้อย่างเพียงพอ ตลอดจนสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปจำหน่ายยังนานาประเทศ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม  

        นายจิรวิทย์ รชตะนันทน์   รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจฟาร์มสัตว์บก กล่าวว่า ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น มีผลผลิตสุกรในปี 2017อยู่ที่ 5ล้านตัว ผลผลิตไข่ไก่ราว 200 ล้านฟอง และผลิตภัณฑ์ไก่เนื้อ 80,000ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลผลิตจากเกษตรกร ยกตัวอย่างธุรกิจสุกร ที่บริษัทได้ส่งเสริมเกษตรกรในระบบ Contract Farming  เป็นจำนวน 2,410ครอบครัว ซึ่งเมื่อ 2-3ปีที่ผ่านมาระดับราคาสุกรในเวียดนามตกต่ำอย่างมาก จากปัญหาสุกรล้นตลาด  แต่เกษตรกรทั้งหมดของบริษัทกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆเนื่องจากบริษัทเป็นผู้รับความเสี่ยงแทนทั้งหมดขณะที่เกษตรกรอิสระหลายรายต้องประสบภาวะขาดทุนและบางส่วนต้องเลิกกิจการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ไป
 

       “นอกเหนือจากการทำฟาร์ม  เรายังริเริ่มขยายระบบการจัดจำหน่ายเนื้อสุกรในรูปแบบของ “ร้านสุกร CP” (CP Pork shop) กระทั่งปัจจุบันสามารถขยายร้านได้แล้วถึง 546สาขา ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายโดยผู้ประกอบการรายย่อยทั้ง 100%เพื่อการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนชาวเวียดนามตลอดจนเป็นการยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัยและการจัดจำหน่ายเนื้อสัตว์อย่างถูกสุขลักษณะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค” นายจิรวิทย์กล่าวและว่า

        สำหรับธุรกิจไก่เนื้อ ในเร็วนี้บริษัทจะเปิดโครงการเลี้ยงไก่แปรรูปครบวงจรเพื่อการส่งออก(เฟสแรก)เพื่อใช้เวียดนามเป็นฐานในการส่งออกไก่แปรรูปไปยังประเทศต่างๆ โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกำลังการผลิต 1ล้านตัว/สัปดาห์ ภายใต้มาตรฐานการผลิตอาหารปลอดภัยในระดับสากล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบย้อนกลับได้        ด้าน นายอดิศักดิ์ ต่อสกุล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจสัตว์น้ำ กล่าวเสริมว่า ในปีที่ผ่านมา ซี.พี.เวียดนาม ส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปสัตว์น้ำ ประเภทกุ้งและปลาแพนกาเซียสดอร์รี่ไปยังประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน และยุโรป ในปริมาณถึง 20,000 ตัน

        ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งด้วยระบบ “C.P. Combined Model”  โดยนำหลักการเลี้ยงกุ้งที่ดีและถูกต้องตามหลักวิชาการทุกอย่างมารวมกันในสเกลเล็กเพื่อให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเป็นเจ้าของกิจการฟาร์มเลี้ยงกุ้งได้  ประกอบกับทางรัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุน ส่งผลให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ จึงทำให้ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเวียดนามไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรรายใหญ่ อุตสาหกรรมกุ้งของเวียดนามจึงประสบความสำเร็จ มีผลผลิตที่มีคุณภาพในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดโลกได้มากยิ่งขึ้น

        “ปัจจุบัน ความสำเร็จของโมเดลการเลี้ยงกุ้งในระบบ C.P. Combined Model นี้กำลังกลายเป็นต้นแบบให้ธุรกิจสัตว์น้ำของซีพีเอฟในประเทศต่างๆ เข้ามาศึกษา และรับองค์ความรู้ไปพัฒนาในแต่ละประเทศด้วย”  นายอดิศักดิ์กล่าว

สำหรับธุรกิจแปรรูปอาหาร นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการบริหารธุรกิจอาหารแปรรูปครบวงจร เปิดเผยว่า  ซี.พี.เวียดนามเริ่มดำเนินการผลิตอาหารแปรรูปในปี 2010โดยในปัจจุบัน ประกอบด้วยธุรกิจอาหารแปรรูป อาทิ ไส้กรอก ธุรกิจร้านค้าปลีก เช่น CP fresh mart และธุรกิจร้านอาหาร  เช่น ธุรกิจห้าดาว

        “กลุ่มอาหารแปรรูปที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวียดนามคือ ไส้กรอก ซึ่งเรามีส่วนแบ่งตลาดถึง 20% และในปีหน้าจะเน้นส่งผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานสู่ตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอก ซูชิ ติ่มซำ ไข่แปรรูปพร้อมทาน และอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานอื่นๆโดยตั้งเป้าจะขยายส่วนแบ่งตลาดอาหารแปรรูปเพิ่มขึ้นส่วนห้าดาวก็เป็นธุรกิจอาหารสำเร็จรูปที่เติบโตด้วยดีในเวียดนาม โดยบริษัทสนับสนุนให้ชาวเวียดนามมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจ ให้องค์ความรู้ด้านการจัดการ สนับสนุนการขายทุกอย่าง กระทั่งปัจจุบัน มีชาวเวียดนามเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจห้าดาว ถึง 500ครอบครัว และจะเพิ่มเป็น 600ครอบครัวในปีหน้า” นายสุพัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

         นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น  เป็นกิจการหนึ่งในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (Oversea Business)ที่ตลอด 25 ปีมีการสร้างคน สร้างทีมงานที่ดี และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นลำดับนับเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนของซีพีเอฟ รวมถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เสริมความแข็งแกร่งของพันธมิตรและการดำเนินโครงการเพื่อสังคม จนนำไปสู่การยอมรับจากรัฐบาลและประชาชนชาวเวียดนามกระทั่งได้รับเหรียญเกียรติคุณแห่งชาติในครั้งนี้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพนักงานทุกคน