อังกฤษ-ไทยเปิดตัวนวัตกรรม เครื่องย่อยขยะจากอาหารเป็นพลังงานไฟฟ้า

  •  
  •  
  •  
  •  

บริติช เคานซิล สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และ มหาวิทยาลัยLoughborough 

 เปิดตัวนวัตกรรมเครื่องย่อยอาหารเป็นพลังงานไฟฟ้าควบคุมโดยอินเตอร์เนท ณ โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ โดยงานวิจัยนี้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักร ผ่านทุนวิจัยนิวตัน (Newton Fund)

งานวิจัยนี้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทย นำโดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)  และสหราชอาณาจักร นำโดยมหาวิทยาลัย Loughborough ผ่านทุนวิจัยนิวตัน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมเครื่องย่อยเศษอาหารเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับการใช้งานระดับชุมชน โดยขยะจากเศษอาหารนับเป็นสาเหตุต้นๆที่ก่อปัญหาด้านสภาพแวดล้อมของโลก ในแต่ละปีจะมีขยะจากเศษอาหารจากทั่วโลกมากถึง 1.6 พันล้านตัน ในประเทศไทยมีขยะจากเศษอาหารมากถึง 9.3ล้านตันต่อปี ขยะจากเศษอาหารเหล่านี้ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า เครื่องย่อยขยะจากเศษอาหารนี้สามารถเปลี่ยนเศษอาหารเป็นพลังงานที่สามารถใช้ได้ในชุมชนและมีการควบคุมผ่านระบบออนไลน์

2_40

จากการทดสอบพบว่านวัตกรรมนี้สามารถนำเศษอาหารมาเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับหลอดไฟกว่า 1,000ดวงได้ยาวนาน 12 ชม. นอกจากนี้เศษอาหารอื่นๆยังสามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยได้ นวัตกรรมนี้ได้มีการทดลองใช้จริงที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) สามารถนำเศษอาหารจากโรงอาหารมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับสร้างก๊าสชีวภาพ ได้ถึง 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เทียบเท่ากับ ถ่าน 73 กิโลกรัม และสามารถควบคุมได้จากประเทศไทยและสหราชอาณาจักรผ่านระบบติดตามรวมศูนย์ โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนักวิจัยจากทั้งสองประเทศได้เปิดตัวนวัตกรรมนี้กับบริษัทและองค์กรพัฒนาเอกชนหลังจากได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการนิวตันในปีพ.ศ. 2558

นางสาวชัญญา ทั้งสุข หัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า “การวิจัยและการคิดค้นนวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยแก้ปัญหาด้านสภาพแวดล้อมที่เรากำลังเผชิญ แต่ยังช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น  ซึ่งเรายินดีที่ได้เห็นงานวิจัยที่เราสนับสนุนภายใต้โครงการนิวตันสามารถแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดจากการเศษอาหาร และสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงาน โดยใช้ความเชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักรและไทยเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ”

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ :  อ่านเพิ่มเติม : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/809448